ปรับลงตามทิศทางตลาดทั่วโลก

ปรับลงตามทิศทางตลาดทั่วโลก

จันทร์ที่ผ่านมาดัชนีปิดลดลง คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปิดอยู่ในแดนบวกสลับลบ หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่

ประกอบกับจีนเผย GDP งวด 2Q62 เป็นไปตามที่คาดการณ์  และตลาดยังจับตาผลการประชุมของเฟดที่จะเกิดขึ้น ณ สิ้นเดือนนี้ ขณะที่ นักลงทุนในประเทศจับตาผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วงนี้  อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติคงสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่องที่ 1,274.65 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,727.98 จุด (-3.61 จุด) Volume 5.3 หมื่นลบ. TFEX Net +1,959 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -8,333 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากระดับ 0.4% ในเดือนพ.ค.

+ประเทศไทยมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการปลดล็อกเงื่อนไขนลท.สถาบันบางแห่งที่ห้ามลงทุนในประเทศที่มีรัฐบาลรัฐประหาร

+สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสร็จแล้ว เตรียมเสนอครม.พิจารณาเร็วที่สุด ซึ่งจะมีทั้งมาตรการด้านการคลัง และมาตรการด้านการเงินสนับสนุนสินเชื่อ SME

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 5.8 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.9 บาท/US

-ดาวโจนส์ปิด ลดลง 23.53 จุด -0.09% ที่ 27,335.63 จุด หลังจากทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า พร้อมกับขู่ว่าสหรัฐสามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ หากสหรัฐต้องการ

-ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนก.ค.ลดลงสู่ระดับ -24.5 จากระดับ -21.1 ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ -22.3

-น้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.96 ดอลลาร์ -3.3% ปิด 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเผยว่าอิหร่านพร้อมเจรจาเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ประกอบกับบริษัทน้ำมันหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตหลังพายุเฮอร์ริเคนพัดถล่มในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

*จับตาสหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)จากเฟด

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนยังคงไม่คืบหน้า ประกอบกับมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง จากการที่สหรัฐและอิหร่านพร้อมเจรจาเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,721-1,735 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30 ORI), หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ (STEC CK STPI) ,หุ้นกลุ่มเดินเรือ (TTA PSL RCL AMA) , หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าหลังธปท.ออกมาตรการสกัดเงินร้อน (HANA DELTA KCE)

หุ้นรายงานพิเศษ

DTAC (ราคาปิด 56.00 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 50.2 บาท)

รายงานกำไรสุทธิ 2Q19 เท่ากับ 1.7 พันล้านบาท (ดีกว่าตลาดคาดที่ 1.4 พันล้านบาท)  +845%YoY เนื่องจากค่าตัดจำหน่ายหลังหมดอายุสัมปทานกับ CAT ไปตั้งแต่ช่วง ก.ย.61 เป็นหลัก และ +20%QoQ จากรายได้การให้บริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้น +1.6%QoQ หลังการปรับแพ็คเกจใหม่ของระบบ Prepaid ที่มีราคาสูงขึ้น

และระบบ Postpaid ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดความรุนแรงลง ส่งผลให้การอุดหนุนค่าเครื่องลดลง ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 20.6 ล้านเลขหมาย ลดลงเพียงประมาณ 94,000 เลขหมาย ต่ำสุดในรอบสามปี นอกจากนี้ DTAC ยังประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.26บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.25% (XD:26/7/19)

ความเห็น เรามีมุมมองบวกแนวโน้มผลการดำเนินงาน โดยการแข่งขันที่ลดลงนับเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรม จะเห็นได้จากจำนวน Net Add ที่ติดลบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ โดย DTAC สามารถเริ่มพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับมาได้จากคุณภาพโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ

หุ้นมีข่าว   

·      SENA (ราคาปิด 3.64 บาท)   เปิดอนาคตยังคงแผนเติบโตแรง แม้จะปันผลสูงถึง 7% วางแนวทางฝ่าด่าน LTV เจาะดีมานด์แท้จริง ช่วยลูกค้าด้านการเงิน ระบุชัดครึ่งปีหลังได้ฤกษ์เปิดโครงการพรึบ ขณะที่ยอดคอนโด 2 แห่ง จะเข้ามาไตรมาส 4 ด้านปีหน้ายังคงมียอดโอนอีกเพียบ พร้อมกระจายพอร์ตสู่ธุรกิจรายได้ต่อเนื่องเพิ่มเติม (ที่มา ทันหุ้น)

·      SENA  Company Visit (ราคาปิด 3.64)

·      การจับมือเป็นพันธมิตรชาวญี่ปุ่น “ฮันคิว” ช่วยสร้าง new S curve ในการขยายฐานรายได้ให้เติบโตสูง  ปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาร่วมกัน 13 โครงการ  จำนวน 1 หมื่นกว่ายูนิต มูลค่ารวมกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท ปลายงวด 1Q62 มี backlog เท่ากับ 11,704 ลบ. ทยอยรับรู้ในปีนี้ 4,800 ล้านบาทโดยแผนโอนส่วนใหญ่ในช่วง Q4  ขณะที่รายได้ Q2 มีแนวโน้มต่ำกว่า Q1 ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรกและน่าจะโดดเด่นใน Q4  ในช่วง 1Q62 มีกำไรสุทธิ 160 ลบ. -3%YoY  รายได้หลักเติบโต 11% อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นเป็น 49% จาก 47% ใน 1Q61 ขณะที่ %SG&A ต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 26% จาก 22% ใน 1Q61 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 13% จาก 15% ใน 1Q61 ในอนาคตผู้บริหารมีแผนขยายธุรกิจในส่วนของโรงแรมและคลังสินค้าเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง  โดยในปี 61 สัดส่วนรายได้ประจำที่เป็นรายได้ค่าเช่าเพิ่มเป็น 14% จาก 6.7% ในปี 60

·      ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อระดับความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่า 40% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่ที่ระดับ 33-35% และแหล่งรายได้ประจำที่หลากหลายทั้งธุรกิจค้าปลีกให้เช่า ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ราคาหุ้นล่าสุดมีระดับ PE ต่ำเพียง 5.5 เท่าเมื่อเทียบกับ PE กลุ่มที่ระดับ 14.9 เท่า  และ yield สูง

·      BPP (ราคาปิด 21.60 บาท Bloomberg Consensus 25.33 บาท) เห็นแสงสว่างหลังบาทแข็งอ่อนค่า ครึ่งปีหลังมีโอกาสกำไรค่าเงิน แต่ไตรมาส 2 กำไรหลักยังดีคาดโต 19% เล็งจ่ายไฟ ปีนี้อีก 712 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าเจรจาซื้อโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 400 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินยังอยู่ระหว่างเจรจา มั่นใจปี 2568 แตะ 4,300 เมกะวัตต์ (ที่มา ทันหุ้น)

·      SAMTEL (ราคาปิด 11.80 บาท Bloomberg Consensus 15.80 บาท)   ผลงานโตต่อเนื่อง โบรกส่องกำไรไตรมาส 2/2562 โตกว่า 116% แตะ 148 ล้านบาท ทยอยส่งมอบงานต่อเนื่อง ขณะกำไรขั้นต้นเพิ่มสูง ลุ้นเซ็นงานใหม่ครึ่งปีหลังกว่า 8 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      DTAC (ราคาปิด 56.00 บาท Bloomberg Consensus 50.21 บาท)   ผลงานดีดเด้ง กำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท พุ่งกว่า 800% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนเทียบกับไตรมาสก่อน โต 20.3% แผนพลิกฟื้นมาถูกทาง จำนวนลูกค้าลดลงในอัตราที่ต่ำสุดนับแต่ปี 2559 เดินแผนตั้งสถานีฐานเพิ่มเติมขยายความครอบคลุมสัญญาณเพิ่มเติม พร้อมข่าวดีผู้ถือหุ้น ปันผลระหว่างกาล 1.26 บาทต่อหุ้น มูลค่ากว่า 2.9 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      RATCH (ราคาปิด 66.50 บาท Bloomberg Consensus 67.40 บาท)  ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง กำลังผลิตรวม 1400 เมกะวัตต์ ต่อยอดกำลังผลิตไฟฟ้า หนุนรายได้แกร่งในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)

·      TPCH (ราคาปิด 12.90 บาท ราคาเหมาะสม 16.00 บาท) เซ็น PPA โรงไฟฟ้าขยะชุมชนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี 8 MW มูลค่าการลงทุน 1,500 ล้านบาท คาด COD ในปี 64 คาด EIRR ราว 18-23% ต่อปี พร้อมเตรียม COD อีก 20 MW ในไตรมาส 4/62 ย้ำสิ้นปีครบ 80 MW (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      ALUCON (ราคาปิด 174) เผย "ทาเคะอุจิ เพรสฯ"ผถห.ใหญ่จะทำเทนเดอร์หุ้นละ 168 บาท หลังเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 51.38% จากเดิม 49.73% (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)