'วัฒนา' ร้องศาลไต่สวนปมถูกตัดคำให้การพยานชั้น คตส. คดีบ้านเอื้ออาทร

'วัฒนา' ร้องศาลไต่สวนปมถูกตัดคำให้การพยานชั้น คตส. คดีบ้านเอื้ออาทร

ศาลฎีกานักการเมือง ไต่สวนพยานอัยการ คดีบ้านเอื้ออาทรได้อีก 5 ปาก ขณะที่ "ทนายจำเลย" ซักได้ความ "วัฒนา" ไม่แทรกแซงกระบวนการ


เมื่อวันที่ 12 ก.ค.62 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 และ 102/2561 นัดไต่สวนพยานครั้งที่ 2 คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 61 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และแกนนำพรรคเพื่อไทย, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548–2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย, นายอภิชาติ หรือ เสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 55 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และกลุ่มเอกชน รวม 14 ราย เป็นจำเลย ที่ 1-14

ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

โดยวันนี้ อัยการโจทก์ นำพยานเข้าไต่สวนรวม 5 ปากประกอบด้วย นายประสาน ตันประเสริฐ ประธาน กคช., นางอมรพรรณ พงศ์พิโรดม ผอ.ฝ่ายการคลังและนโยบายการเงิน กคช., นายสรวุฒิ ตังกาพล รองผู้ว่า กคช., นางปิยะศิริ นาโคศิริ รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ กคช. และนายธนากร หอวณิช ผอ.กองจัดหาที่ดิน กคช. (ทั้งหมดตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) โดยภาพรวมของการไต่สวนพยานทั้งเช้าและบ่าย เป็นการซักถามเนื้อหาหลักๆ เกี่ยวกับขั้นตอนที่บริษัทต่างๆ เสนอเข้าร่วมโครงการบ้านเอื้ออาทร, หลักเกณฑ์ตามประกาศเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2548, การเปลี่ยนเงื่อนไข TOR รวมถึงการเบิกเงินล่วงหน้า ซึ่งในช่วงที่ทนายความจำเลยซักถามพยานโจทก์ พยานโจทก์ ต่างยืนยันได้ปฏิบัติทุกอย่างตามระเบียบหลักเกณฑ์ ไม่ได้รับเงินหรือเอื้อประโยชน์ผู้ใด นายวัฒนา จำเลยที่ 1 ไม่ได้เข้ามาแทรกแซง และไม่ได้รู้จักพูดคุยกับนายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4

ขณะที่วันนี้ "นายวัฒนา" จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาล กรณีตรวจพบว่าบันทึกคำให้การของพยาน 2 ราย คือนายพิทยา เจริญวรรณ กับนายพรศักดิ์ บุณโยดม ในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ถูกตัดตอนข้อความของพยานในสาระสำคัญ จึงขอให้ไต่สวนผู้กระทำ ขณะที่ อัยการโจทก์แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยดังกล่าว ศาลจึงมีคำสั่งให้อัยการโจทก์ ส่งคำคัดค้านเข้ามาภายในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เพื่อประกอบการวินิจฉัย

โดย "นายวัฒนา" อดีต รมว.พม. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการยื่นคำร้องว่า บันทึกคำให้การของพยานจะต้องตรงกับที่เคยให้การในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คตส. ไม่มีสิทธิไปแต่งคำให้การ ตัดทอน ต่อเติมข้อความ แต่มีการไปตัดข้อความสาระสำคัญที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน แล้วปล่อยให้คลุมเครือ คำให้การในชั้น คตส. มีทั้งหมด 25 หน้า แต่ 9 หน้า ไม่มีลายเซ็น ตนจึงร้องว่ามีการยัดไส้ เอาอันใหม่มาเปลี่ยนเลยไม่มีลายเซ็น ขณะที่การไต่สวนพยานวันนี้ เห็นได้ว่า 1.เราไม่เคยไปแทรกแซง 2.เป็นการทำงานตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคน 3.ไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับ กคช. ทำงานสำเร็จ และ 4.ตนกับเสี่ยเปี๋ยงไม่เคยเชื่อมโยงอะไรกัน