จับสาวรัสเซียหนีหมายจับคดีฉ้อโกงเสียหาย 20 ล้าน

จับสาวรัสเซียหนีหมายจับคดีฉ้อโกงเสียหาย 20 ล้าน

ตม.จับสาวรัสเซียเปิดบริษัทนอมินีด้านอสังหาในไทย พบหนีหมายจับกว่า 3 ปี อีกคดีจับสาวรัสเซีย หนีหมายจับคดีฉ้อโกง ศาลรัสเซียและตำรวจสากล เกือบ 20 ล้าน

เมื่อเวลา 10.45 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.รัชธพงษ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 และตำรวจบก.สตม. ร่วมกันแถลงผลจับกุมผู้ต้องหาชาวรัสเซียเปิดบริษัทนอมินี ประกอบธุรกิจต้องห้ามเปลี่ยนหนังสือเดินทางหลบหนีหมายจับกว่า 3 ปี และคดีจับสาวรัสเซียหนีหมายจับศาลรัสเซียและตำรวจสากล

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า คดีแรกจับกุมน.ส.นาตาเลีย นิกิโฟโรวา สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เปิดบริษัทนอมินี ประกอบธุรกิจต้องห้ามเปลี่ยนหนังสือเดินทางหลบหนีหมายจับกว่า 3 ปี ในข้อหา “ประกอบธุรกิจนายหน้า หรือตัวแทน ที่ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจ” โดยจับกุมได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าบ้านหลังหนึ่ง ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท มีคนต่างด้าวเป็นหญิง ชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับหลบซ่อนตัวอยู่ ต่อมาจากการสืบสวน ทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือน.ส.นาตาเลีย นิกิโฟโรวา สัญชาติรัสเซีย ถือหนังสือเดินทางประเทศรัสเซีย


ต่อมาวันที่ 2 ก.ค.2562 น.ส.นาตาเลีย ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ 211/2559 ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่จึงได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลจังหวัดพัทยา เพื่อขอหมายค้นบริษัท จากการตรวจค้นพบตัวน.ส.นาตาเลีย ได้นำหนังสือเดินทางประเทศรัสเซียของตนมาแสดง จากการสอบถามน.ส.นาตาเลีย ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคล ซึ่งถูกออกหมายจับดังกล่าว และไม่เคยถูกจับในคดีดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด

ทั้งนี้น.ส.นาตาเลีย มีพฤติกรรมสวมชื่อคนไทยเข้ามาประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ได้เสียภาษีและนำเงินรายได้ส่งกลับไปยังประเทศของตน ส่งผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย และมีประวัติการเปลี่ยนชื่อ และพาสปอร์ตมาแล้วหลายครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม มานานกว่า 3 ปี กระทั่งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สามารถติดตามตัวได้ด้วย ระบบไบโอเมทริกซ์ หรือ ระบบสแกนม่านตา จึงสามารถติดตามจับกุมตัวได้

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย ให้ติดตามจับกุมตัวน.ส.คเซเนีย โพโดซิอัน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองรอสตอฟ-นา-โดนู คดีฉ้อโกง หลังก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหาย ในปี 2013 ที่ประเทศรัสเซีย โดยกู้ยืมเงิน ประมาณ 6,500,000 บาท อ้างว่านำไปใช้หนี้ธนาคาร และหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะนำทองคำและแหวนเพชรไปจำหน่าย มูลค่า 12,800,000 บาท แต่เมื่อได้เงินมาได้หลบหนีออกนอกประเทศ มาแฝงตัวเข้ามาเป็นลูกจ้างบริษัทนำเข้าและส่งออก ที่จังหวัดชลบุรี นานประมาณ 4 ปี ก่อนรวบธุรกิจเป็นของตนเอง

เบื้องต้นได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและควบคุมตัวน.ส.คเซเนีย ไว้ เพื่อผลักดันส่งกลับไปยังประเทศรัสเซียดำเนินคดีต่อไป