มติสภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญ ทำข้อบังคับประชุมสภาฯ

มติสภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญ ทำข้อบังคับประชุมสภาฯ

มติสภาฯ ตั้งกมธ.วิสามัญ ทำข้อบังคับประชุมสภาฯ “ชวน” แพลม รัฐบาลใหม่ นัดแถลงนโยบายรบ. เริ่ม 24 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ จำนวน 39 คน ด้วยเสียงข้างมาก 242 เสียง ต่อ 232 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง หลังจากที่ใช้เวลาพิจารณาต่อเนื่องในวาระดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการลงมติในญัตติดังกล่าว ที่ประชุมสภาฯ ได้ถกเถียงต่อประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน คือ ตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อพิจารณา หรือ ตั้งกมธ.เต็มสภา ตามที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติให้ที่ประชุม โดยนายชวนชี้แจงกับที่ประชุมว่าการตั้งกมธ.วิสามัญ จะมีเวลาพิจารณา ช่วง 22 - 24 กรกฎาคม ซึ่งจะสอดคล้องกับการนัดแถลงนโยบายของรัฐบาล ช่วงวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ส่วนการตั้งกมธ.ฯ แบบเต็มสภาอาจพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในวันเดียวได้ ต้องนัดประชุมครั้งต่อไปวันที่ 18 กรกฎาคม แต่ตามขั้นตอนปกติ หากมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ สภาฯต้องหยุดการพิจารณาก่อน ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การหารือช่วงดังกล่าวก่อนลงมติเป็นไปอย่างวุ่นวาย เมื่อส.ส.พรรคฝ่ายค้านประท้วงการชี้นำของนายชวน ต่อที่ประชุมสภาฯ ซึ่งเข้าข่ายละเมิดการตัดสินใจของ ส.ส.​ ทั้งนี้นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทักท้วงว่า ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี หาก สภาฯ ไม่สามารถตั้งกมธ.สามัญได้ จะทำให้งบประมาณที่มี 14 ล้านบาทสำหรับใช้ส่วนดังกล่าวจะต้องถูกพิจารณาใหม่อีกครั้งโดยนายชวนว่า จะพิจารณาหรือนำไปใช้อย่างไร

นายชวน ชี้แจงว่า ตนไม่มีผลประโยชน์เรื่องงบประมาณ และตนไม่เคยทราบประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ตนมาจากโลกการเลือกตั้งที่ไม่ซื้อเสียงเรื่องของผลประโยชน์จึงไม่มี แต่อาจเป็นเรื่องที่สมาชิกอาจมีประสบการณ์แบบนั้น ทั้งนี้ สิ่งที่ตนเสนอแนะก็เพื่อประโยชน์ของสภา ซึ่งเป็นเจตนาดี ทุกอย่างทำด้วยความปรารถนาดี ซึ่งไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ทำให้รู้สึกเสียดายที่มองเจตนาดีเป็นเรื่องผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านประเด็นถกเถียงดังกล่าวได้จนนำไปสู่การลงมติ มีประเด็นที่เกิดความวุ่นวายอีก เมื่อจำนวนของผู้ออกเสียง ไม่ตรงกับองค์ประชุมที่นายชวนแจ้งไว้ตอนแรก ที่ 251 คน แต่ผลการลงมติ คือ 275 คน ทำให้เกิดการประท้วง ทำให้ ส.ส.พรรครัฐบาล ชี้แจงว่า จำนวนขององค์ประชุมคือเกณฑ์การดำเนินการประชุมต่อไป ซึ่งภายหลังนับองค์ประชุมแล้วพบส.ส.เดินเข้าห้องประชุมเพื่อลงมติ ทำให้จำนวนดังกล่าวไม่เท่ากัน.