สนาม 'แดนสะตอ' เปี๊ยะ-ไม่เปี๊ยะ!

เป็นเวลา 1 เดือน (โทษจำคุกให้รอลงอาญา1ปี) จากกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ส่งผลให้เธอต้อง “รูดม่านการเมือง” ในฐานะ “บุคคลเบื้องหน้า” ไปตลอดชีวิต

เพราะแม้ในคำพิพากษาจะระบุให้ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี โดยนับจากวันที่9ธ.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากยุบสภาและขณะนี้ถือว่าพ้นกำหนดเว้นวรรค5ปีไปแล้ว

แต่เธอยังคง “ติดล็อก” ในเรื่องคุณสมบัติการเป็นส.ส. ตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งในมาตรา 98(9) ,มาตรา160 (6)และ(7) ,มาตรา 235 วรรค6  รวมถึงบทบัญญัติมาตรา 81 วรรคท้ายแห่งกฎหมายป.ป.ช  ที่ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

ดังนั้นเมื่อเส้นทางการเมืองของ “เจ๊เปี๊ยะ” ในฐานะ “บุคคลหน้าม่าน” ต้องยุติลงอย่างถาวร (เว้นแต่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก) สิ่งที่จะต้องจับตาต่อคือการปรับทัพของ “ค่ายสีน้ำเงิน” ในการสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะสนามท้องถิ่นอย่าง สนามเลือกตั้ง “นายกฯอบจ.” ซึ่งเรียกได้ว่ามันหยด เพราะการวัดพลังทั้ง “พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-ประชาชาติ”

หากย้อนกลับไปเลือกตั้งส.ส.ครั้งล่าสุด ในวันที่24มี.ค.ที่ผ่านมา “เจ๊เปี๊ยะ” ถือเป็นเป็นแม่ทัพคนสำคัญของ “ค่ายสีน้ำเงิน” ซึ่งทำหน้าที่นำทัพสู้ศึกในพื้นที่ภาคใต้จนสามารถกำชัยมาได้ถึง 8 ที่นั่ง โดยเฉพาะ “สนามเมืองลุง” บ้านเกิดที่มีการวัดพลังกันอย่างดุเดือด จนสามารถโค่นแชมป์เก่า โดยเฉพาะ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” แม่ทัพคนสำคัญแห่ง “ค่ายสีฟ้า” ลงได้

ด้วยดีกรีความเป็น “เจ๊เปี๊ยะ” รวมถึงความเป็น “รัชกิจประการ” ในฐานะภรรยา “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รมว.ท่องเที่ยวและเป็นคอนเนคชั่น “กลุ่มเพื่อนเนวิน” รวมถึงเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ของภาคใต้

ก่อนหน้านี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล บอกอย่างมั่นใจว่า หากท้ายที่สุดเจ๊เปี๊ยะจะต้องยุติบทบาททางการเมืองลงก็ไม่น่าจะส่งผลต่อสนามเลือกตั้งใน “แดนสะตอ” เท่าไรนัก

คงต้องจับตาในวันที่ “เจ๊เปี๊ยะ” ปรับบทบาทจาก “คนหน้าม่าน” มาเป็น “คนหลังม่าน” ว่ากระแสยังจะเปี๊ยะ! หรือไม่เปี๊ยะ!