ไทยพาณิชย์หั่นจีดีพีปีนี้วูบเหลือ 3.1% จาก3.3% หลังสงครามการค้าปะทุฉุดส่งออกติดลบ 1.6%

ไทยพาณิชย์หั่นจีดีพีปีนี้วูบเหลือ 3.1% จาก3.3% หลังสงครามการค้าปะทุฉุดส่งออกติดลบ 1.6%

อีไอซี หั่นตัวเลขจีดีพีตามนัด ลงเหลือ 3.1% จากเดิมที่คาด 3.3% หลังส่งออกหดตัวสูง 5 เดือนติดลบ 5% คาดทั้งปีติดลบ 1.6% พร้อมหั่นจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ลดลง หลังคาดศก.จีนชะลอ ส่งผลนักทอ่งเที่ยวชะลอ ชี้สงครามการค้ามีโอกาสประทุต่อ ความไม่นอนมีเพิ่ม ฉุดการลงทุนทั่วโลกชะลอตัว

    นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด EIC ธนาคารพาณิชย์กล่าวว่า ล่าสุด อีไอซีมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจลดลงเหลือ 3.1% จากเดิมที่คาดขยายตัว 3.3% ซึ่งหลักๆมาจากการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง จากผลกระทบทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ส่งออกรอบ 5 เดือนที่ผ่านมาติดลบ 5% ทำให้ปีนี้อีไอซีปรับตัวเลขมูลค่าส่งออกติดลบ 1.6%  จากเดิมที่คาดขยายตัว 0.6%
.  ซึ่งมาจากผลกระทบสงครามการค้า ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศต่างๆให้ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจีน ทำให้คาดว่าปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะปรับลดลง ทำให้ปรับตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ เหลือ 40.1ล้านคน ซึ่งขยายตัว 4.8% จากเทียบกับการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาที่ขยายตัวระดับ 8-9%
   อย่างไรก็ตามด้านการลงทุนในประเทศก็มีการชะลอตัว เนื่องจากการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อการส่งออก รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน ที่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับจากผลกระทบจากมาตรการกำกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์หรือ แอลทีวี ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนใหม่ และขออนุญาตก่อสร้างลดลงแล้ว      
    นอกจากนี้หากดูการใช้จ่ายในประเทศ พบว่าการบริโภคเอกชนยังมีการชะลอตัว ทั้งจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าเกษตรที่ซบเซา เช่นเดียวกันการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว และคาดว่าอาจหดตัวต่อในระยะถัดไปได้
ดังนั้นคาดว่า การลงทุนภาครัฐ น่าจะเป็นส่วนหนุนภาพเศรษฐกิจให้เติบโตได้ เพราะคาดการ การลงทุนภาครัฐปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 7% จากการลงทุนต่อเนื่องในโครงสร้างพื้นฐาน และคาดว่าในช่วงปลายปีอาจเห็นภาครัฐ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นออกมา เพื่อประคองเศรษฐกิจให้เติบโตในครึ่งปีหลังได้

   "ครึ่งปีหลังมีความไม่แน่นอนอยู่เยอะมาก เพราะโดยเฉพาะสงครามการค้า ที่มีความไม่แน่นอนอยู่เยอะมาก เพราะข้อเรียกร้องระหว่างกันเยอะมาก ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง   โดยโอกาสที่อาจเห็นมีหลายแนวทาง ทั้งการเจรจาต่อเนื่อง ที่อาจเห็นต่อไป ต่อไปคือการยุติข้อเจรจา มีความเป็นไปได้ถึง 25% เพราะสหรัฐก็ไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบไปถึงปีหน้าที่จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐ ดังนั้นมีโอกาสที่สองฝ่ายจะประณีประนอมเกิดขึ้น อาจตกลงกันได้บางประเด็น แต่ก็ยังมีหลายด้านที่ยังแข่งขันกันต่อไป ระยะยาวยังคงเจรจากันต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ก็มีโอกาสประทุขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นความไม่แน่อนยังอยู่ในระดับสูง