กังวลเฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ย

กังวลเฟดไม่เร่งลดดอกเบี้ย

ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์: SET Index เพิ่มขึ้น 6.86 จุด (+0.40%) ที่ระดับ 1,731 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท ตอบรับนายกฯนำรายชื่อ ครม.ใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วและเตรียมถวายสัตย์ฯภายใน ก.ค. กลุ่มโรงไฟฟ้าเกิด Technical rebound หลังจากที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ1,576 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 44 ล้านบาท แต่ยัง Net Long TFEX 6,398 สัญญา เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: มุมมองเป็นกลางถึงลบ โดยให้กรอบ SET Index ในวันนี้ที่ 1,715 – 1,735 จุด ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจน การเร่งจัดทำนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐเบื้องต้นไม่แตกต่างจากนโยบายเดิมการ ชะลอนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจสร้างความผิดหวังให้กับตลาด กลุ่มโรงไฟฟ้าปัจจัยลบจากการผลิตไฟฟ้าของประเทศว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องยังไม่จบเมื่อล่าสุดสหภาพแรงงานกฟผ.ออกแถลงการณ์ ให้ภาครัฐออกมาชี้แจงความชัดเจนและเร่งปฏิบัติตาม ส่วนการ Preview ผลประกอบการและการประกาศงบ 2Q19 ส่วนใหญ่คาดยังไม่ดีเนื่องจากหลายบริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายตามกฏหมายแรงงานฉบับใหม่ และที่สำคัญFund Flow ต่างชาติซึ่งเป็นตัวหนุนและพยุงดัชนีในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาเตือนในทางลบหลังจาก Bondyield 10 ของสหรัฐเริ่มฟื้นตัว ค่าเงิน Us Dollar เริ่มแข็งค่า ปัจจัยนี้อาจจะกดดันให้ Fund Flow ไหลเข้ามี
แนวโน้มที่จะลดลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy /

• กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (PTTEP, EA, BGRIM, GPSC, CKP ,CPF, GFPT, TFG, CPALL, MTC,THANI, VGI, PLANB, MINT, VNT, WORK, MAJOR)

• กลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุด 1,700 จุด

• หุ้นปันผลครึ่งปีเด่น (INTUCH ,ADVANC ,KKP ,TCAP ,LH ,QH)

หุ้นแนะนำวันนี้: CPF (ปิด 30 ซื้อ/เป้า IAA Consensus สูงสุด 34) ราคาหมูและราคาไก่ในประเทศปรับตัว ขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 36 เดือน และ 21 เดือนในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เรามอง Cycle ขาขึ้นรอบนี้จะยาวนานกว่าในอดีต เนื่องจากได้ผลบวกจากการแพร่ระบาดของโรคอะหิวาต์แอฟริกาในจีน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลกำไรกลุ่มธุรกิจเกษตรใน 2Q19 และจะโตต่อเนื่องใน 3Q19 เนื่องจากเป็น high season ของธุรกิจ เรายังเลือก CPF เป็น Top pick ของกลุ่ม, VNT (ปิด 25.25 ซื้อ เป้า 29 บาท) คาดเป็นหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่คาดว่างบ 2Q19 จะออกมาโดดเด่นที่สุดของกลุ่ม จากผลบวกของ Spread PVC ที่เพิ่มขึ้นหลังจากต้นทุนซึ่งเป็น Ethylene ลดลงตามตลาดปิโตรฯ ขณะที่ราคา Caustic Soda ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หลักราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากอินเดียกลับมานำเข้าอีกครั้งเช่นเดียวกับโรงอะลูมิเนียมรายใหญ่ของบราซิลที่กลับมาผลิตสั่งซื้อมากขึ้น

KSS report วันนี้: WORK (ปิด 31.25 ซื้อ/เป้า 35)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

(+/-) Nonfarm payrolls ของสหรัฐพุ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน กดดันเฟดไม่ต้องรีบลดดอกเบี้ย หนุน US dollar แข็งค่า Bond yield ฟื้นตัว แต่อาจกระทบ Fund flow ไหลเข้า : เมื่อวันศุกร์สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 224,000 ตำแหน่ง จาก 72,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค.และมากกว่าที่ Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ ตามอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 3.6% เป็น 3.7% และค่าจ้างต่อชั่วโมงเฉลี่ยซึ่งเป็นตัวแทนเงินเฟ้อของเฟด เพิ่มขึ้น 0.2%mom ลดลงจากเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.3% แต่ด้วยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาดและเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน ทำให้ความคาดหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเริ่มลดลง ส่งผลให้ Bond yield 10 ปีของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 2.03% จาก 1.96% เช่นเดียวกับค่าเงิน US dollar (Dollar Index) แข็งค่า ขึ้นสู่ระดับ 97.23 จาก 96.7 (สูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน) 3 ปัจจัยนี้อาจจะกระทบต่อ Fund flow ไหลเข้านับเป็น Sentiment ลบต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงสั้น

(-) กลุ่มโรงไฟฟ้า – กลุ่มสหภาพแรงงาน กฟผ.ออกแถลงการณ์ ร่วมกดดันให้ ก.พลังงาน เร่งชี้แจงและปฏิบัตตามรัฐธรรมนูญในการผลิตไฟฟ้า : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากลุ่มสหภาพแรงงาน กฟผ.(สร.กฟผ.) เริ่มเคลื่อนไหว โดยออกแถลงการณ์และส่งข้อร้องเรียนไปถึง พลเอก ประยุทธ์ จันโอชา นายกฯ เพื่อให้มีคำสั่งให้ กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลิตไฟฟ้าออกมาชี้แจงความชัดเจนให้เป็นที่ประจักษ์และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญของประเทศ ด้านกระทรวงพลังงานเคลื่อนไหวเช่นกันโดยระบุว่าการดำเนินการผลิตไฟฟ้าในอดีตที่ผ่านมาและตามแผน PDP ใหม่ในอนาคตเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ด้วยความเห็นที่แตกต่างกันของภาคประชาชนและหน่วยงานของรัฐเราเชื่อว่าสุดท้ายประเด็นนี้จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแผน PDP2018 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้แม้เราและตลาดมองว่าไม่ส่งผล กระทบต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ามากนักเพราะมีการลงทุนและหาการเติบโตจากต่างประเทศกันมากขึ้น แต่ด้วยความไม่ชัดเจนและการฟ้องร้องที่จะออกมาต่อเนื่องต่อจากนี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยลบกดดัน Sentiment การลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า IPP ที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ RATCH EGCO และ GULF

(+/-) พรรคร่วมรัฐบาลเร่งจัดทำนโยบายบริหารประเทศ เน้นนโยบายเร่งด่วน ส่วนนโยบายปรับขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาทต่อวันอาจชะลอไว้ก่อน : กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเร่งหารือร่วมกันเพื่อนำนโยบายแต่ละพรรคมาจัดทำเป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เบื้องต้นคาดว่าจะเร่งขับเคลื่อนนโยบาย เร่งด่วนที่เกี่ยวกับปากท้องและสินค้าเกษตรเป็นหลัก อาทิ นโยบายบัตรรสวัสดิการแห่งรัฐ, นโยบายพักหนี้ เกษตรกร นโยบายด้านสาธารณสุขของพรรคภูมิใจไทย ส่วนนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวันรวมถึงนโยบายมารดาประชารัฐ คลาดเลื่อนไปก่อนเนื่องจากยังมีช่องโหว่ในการปฏิบัติและอาจเกิดปัญหาได้อาทิ แม่วัยใส ด้วยนโยบายที่ไม่แตกต่างไปจากชุดเดิมโดยเฉพาะนโยบายค่าแรงที่ชะลอออกไปอาจจะสร้างความผิดหวังให้กับตลาดโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากก าลังซื้อของประชาชนที่สูงขึ้นแต่จะส่งผลบวกต่อ Sentiment ของกลุ่มที่ใช้แรงงานเป็นต้นทุนหลัก อาทิ กลุ่ม นิคมฯ รับเหมาฯ อสังหาฯ และอิเล็กทรอนิกส์