จีนสอนมวยผู้นำแคนาดา 'อย่าอ่อนหัด'

จีนสอนมวยผู้นำแคนาดา 'อย่าอ่อนหัด'

จีน เตือนนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา อย่าอ่อนหัด เชื่อสหรัฐง่าย และเลิกคิดได้แล้วว่า แคนาดาเลือกฝั่งเป็นพันธมิตรสหรัฐ จะมีอิทธิพลเหนือกว่าจีน

นายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงว่า รัฐบาลจีนหวังว่า นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ผู้นำแคนาดาจะไม่ใช่คนอ่อนหัดที่จะเข้าไปรวมกับกลุ่มประเทศที่สหรัฐเรียกว่าพันธมิตร เพื่อกดดันจีน เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว แคนาดาเองที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว 

“นายทรูโด ควรเลิกคิดได้แล้วว่า การเชื่อว่าตัวเองอยู่ในฐานะพันธมิตรของสหรัฐแล้ว จะทำให้แคนาดาจะมีอิทธิพลใดเหนือกว่าจีน เพราะถ้าหากพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบจะพบว่า สหรัฐ ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแคนาดาสักเรื่อง หลังจากที่แคนาดาตัดสินใจจับกุมน.ส.เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงและทายาทคนโตของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะเห็นได้ว่าสหรัฐ ก็ปล่อยให้แคนาดาต้องเผชิญปัญหากับจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด” 

เกิ่ง ส่วง ยังย้ำว่า นายทรูโด ควรเลิกคิดได้แล้วว่า การเชื่อว่าตัวเองอยู่ในฐานะพันธมิตรของสหรัฐ แล้วจะทำให้แคนาดานั้นจะมีอิทธิพลใดเหนือกว่าจีน เพราะถ้าหากพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบจะพบว่า สหรัฐฯ ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแคนาดาสักเรื่อง หลังจากที่แคนาดาตัดสินใจจับกุมเมิ่ง หว่านโจว ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะเห็นได้ว่าสหรัฐ ก็ปล่อยให้แคนาดาต้องเผชิญปัญหากับจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด

ด้านนายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยบอกว่า ยังคงมีความเชื่อมั่นในคำสัญญาชองประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสหรัฐที่เคยบอกเขาว่าจะให้ความช่วยเหลือพลเมืองแคนาดา 2 คน ซึ่งถูกจีนควบคุมตัวและดำเนินคดีในข้อหาความมั่นคง แม้ยังไม่มีฝ่ายใดออกมายืนยันว่า ผู้นำสหรัฐได้หารือเรื่องดังกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ระหว่างการประชุมที่ญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ 

มีรายงานว่า ก่อนการประชุมผู้นำกลุ่มจี20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ทางนายทรูโด ได้พยายามโทรศัพท์คุยกับทางด้าน นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน เพื่อจะขอเจรจาแบบตัวต่อตัว เพื่อขอนักโทษของตัวเองคืน แต่หลี่ เค่อเฉียง ปฏิเสธ ที่จะพบและพูดคุยเรื่องดังกล่าวกับผู้นำแคนาดา

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมผู้นำจี20 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้ถูกจัดให้นั่งข้างกับนายทรูโด โดยสื่อมวลชนได้จับตามองปฏิกิริยาของสองผู้นำอย่างเป็นพิเศษ