ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐขู่เก็บภาษีอียูเพิ่ม

ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐขู่เก็บภาษีอียูเพิ่ม

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (2ก.ค.)ปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐขู่เก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (อียู) วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 69.25 จุดหรือ 0.26% ปิดที่ 26,786.68 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 8.65 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,972.98 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 17.93 จุด หรือ  0.22% ปิดที่ 8,109.09 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุดเมื่อวันจันทร์ จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า และเตรียมรื้อฟื้นการเจรจาการค้ารอบใหม่ อีกทั้งสหรัฐยังยกเลิกคำสั่งแบนบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน ซึ่งข่าวนี้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพพุ่งขึ้น รวมถึงหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของหัวเว่ย

อย่างไรก็ตาม  สหรัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้านำเข้าจากอียู วงเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่อียู ให้เงินอุดหนุนอย่างผิดกฎหมายแก่อุตสาหกรรมผลิตเครื่องบิน

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอียูจำนวน 89 รายการ คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยรายการสินค้าดังกล่าวครอบคลุมถึง ชีส นม กาแฟ ผลิตภัณฑ์โลหะบางชนิด เช่นทองแดง รวมถึงวิสกี้ และผลิตภัณฑ์เนื้อหมู

ทั้งนี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่ออียูหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับผลการตัดสินขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) กรณีที่อียูให้เงินอุดหนุนการผลิตเครื่องบิน โดยเฉพาะต่อบริษัทแอร์บัส

ขณะเดียวกันยูเอสทีอาร์จะจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนหน้าเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวต่ออียู