'วิษณุ' ประเมิน 'นาที'​ โดนคดีไม่ยื่นทรัยพ์สิน ไม่เกี่ยว 'สามี' นั่งรมต.

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.62 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นางนาที รัชกิจประการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.)แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจ ที่อยู่ระหว่างที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาไต่สวนพิจารณาในวันที่ 9 ก.ค.นี้ กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นเท็จเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส. สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และศาลจ ว่า ตามหลักการกรณีนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวหากศาลมีคำวินิจฉัยว่ามีความผิดบุคคลที่ถูกร้องก็จะสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.ไป ส่วนกรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ผู้ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นสามีนั้น ไม่เกี่ยวเพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากพิจารณาต่อความเหมาะสมต้องพิจารณาอีกครั้ง ​

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่กรรมการปฏิรูปหลายคณะลาออกจนงานปฏิรูปสะดุด ว่า ต้องแต่งตั้งเพิ่ม เพราะการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตั้งแต่แรกทั้ง 11 คณะ แต่ละคณะก็ไม่ได้ตั้งครบ 15 คน ดังนั้นการแต่งตั้งเพิ่มเติมครั้งนี้จะแต่งตั้งไม่ครบทุกคณะ เพราะบทบาทหน้าที่ลดลงเนื่องจากพ้นช่วงการร่างแผนปฏิรูปแล้ว หลังจากนี้ก็จะมีหน้าที่แค่คิดตามการปฏิรูปร่วมไปกับ ส.ส. และ ส.ว. โดยเฉพาะ ส.ว. ที่มีหน้าที่โดยตรง ส่วนที่มีการกังวลว่า ส.ว. จะเข้ามามีบทบาทในการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปนั้น ยืนยันว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในการพิจารณากฎหมายปฏิรูปก็ยังต้องพิจารณาร่วมกันกับ ส.ส.อยู่ดี เช่นเดียวกับการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การออกกฎหมายปฏิรูปเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งกฎหมายฉบับใดจะเป็นกฎหมายปฏิรูปนั้นคณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ระบุมา แต่หากไม่ได้ระบุมาและทางสภาเห็นเองก็สามารถยกขึ้นมาเป็นประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปได้ หลังจากนั้นก็ส่งเข้าต่อคณะกรรมการร่วมพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายทุกฉบับจะต้องเป็นกฎหมายปฏิรูป อย่างกฎหมายงบประมาณก็ไม่สามารถเป็นกฎหมายปฏิรูป แต่กฎหมายปฏิรูปต้องสอดคล้องกับแผนที่ได้ระบุไว้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าเป็นการปฏิรูปเรื่องอะไร และไม่ต้องกังวลว่า ส.ว.จะมีอำนาจมากกว่า ส.ส. เพราะตามรัฐธรรมนูญ​มาตรา 114 กำหนดว่า ส.ส. และ ส.ว. เป็นผู้แทนปวงชนเหมือนกัน