'อนาคตใหม่' แถลงเปิดตัวตั้งคณะทำงานประสานสิทธิมนุษยชน

'อนาคตใหม่' แถลงเปิดตัวตั้งคณะทำงานประสานสิทธิมนุษยชน

"อนาคตใหม่" แถลงเปิดตัวตั้งคณะทำงานประสานสิทธิมนุษยชน พร้อมจี้ทุกกรณีที่นักเคลื่อนไหวถูกทำร้าย

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อาคารไทยซัมมิท น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค.แถลงตั้งคณะทำงานในพรรคเพื่อติดตามเรื่องการคุกคามและละเมิดสิทธินักกิจกรรมการเมือง ว่า กรณีการทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นเป็นที่จับตามองของคนไทย สื่อมวลชนต่างประเทศ และองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศจำนวนมาก แม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะถูกเรียกว่าเป็นการเลือกตั้งที่มีประชาธิปไตยครึ่งใบ ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติมาตลอด 5 ปี แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ต่างชาติก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลต่างชาติและองค์กรระดับโลกไม่ให้การยอมรับ

สำหรับคนที่คิดว่ากรณีการทำร้าย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นั้น เป็นการสร้างภาพหรือไม่ อยากให้ย้อนกลับไปดูภาพกว้าง นายสิรวิชญ์ไม่ใช่คนแรก ที่ถูกทำแบบนี้ และที่น่าเสียใจไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่คนสุดท้ายที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้าย โดยไม่มีใครรับผิดชอบหรือหาคนผิดมาลงพูด จากข้อมูลของไอลอว์ 18 เดือนก่อนการเลือกตั้ง สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ มีการทำร้ายนักเคลื่อนไหวอย่างน้อย 15 ครั้ง ที่โดนมากที่สุดคือ นายเอกชัย หงส์กังวาน รองลงมาคือ นายสิรวิชญ์ ที่โดนมาแล้ว 2 ครั้ง หากย้อนไปไกลกว่านั้น เจ้าตัวเคยถูกชายแต่งกายคล้ายทหารอุ้มไปจากหน้าประตูเชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โชคดีที่กล้องไม่พัง ก่อนที่นายสิรวิชญ์จะได้รับการปล่อยตัวออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

"หากย้อนไปดูจะเห็นพฤติการณ์ของมืออาชีพ และเลือกด้วยว่าจะทำกับใคร การที่ทั้ง 2 คน ตกเป็นเหยื่อของการถูกทำร้ายบ่อยที่สุด เป็นนักกิจกรรมที่อาจถูกทำลายความน่าเชื่อถือทางสังคมได้ง่าย เนื่องจากพวกเขาไมได้มีต้นทุนทางสังคม ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยมีฐานะ หรือมีลักษณะเป็นปัญญาชน ชนชนกลาง หรือชนชั้นกลางระดับสูง หรือเป็นนักวิชาการ ทำให้นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของการถูกทำร้ายโดยที่ยังไม่มีใครต้องรับผิด" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว และว่า ทางพรรค อนค.ต้องการหยุดพฤติกรรมคุกคามนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ทางพรรคมีแคมเปญที่จะให้คนธรรมดา ร่วมกันส่งคลิป พยานแวดล้อมต่างๆ มา เพราะเวลาที่เกิดเหตุ เป็นเวลาที่ประชาชนทั่วไปก็เห็นเหตุการณ์ หากท่านประชาชนท่านใดมีข้อมูล จากกล้องมือถือ หรือกล้องหน้ารถ ขอให้ส่งมาที่พรรค อนค.เหตุใดต้องส่งมาให้เรา เพราะบางคนอาจไม่กล้า หรือกลัวการถูกคุกคาม หรือไม่มีเวลามากพอ พรรค อนค.จึงขอเป็นสื่อกลางในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ

โฆษกพรรค อนค.กล่าวต่อวว่า ขณะที่การทำงานในสภานั้นจะมีการตั้งกระทู้ในสภาภายในสัปดาห์นี้ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ทำหน้าที่ตรวจสอบการคุกคามและการละเมิดสิทธินักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักประชาธิปไตยด้วย โดยพรรค อนค.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา เรียกว่า คณะทำงานประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในและนอกสภา ซึ่งกรณีที่นายสิรวิชญ์ถูกร้าย ทำให้เราได้จังหวะที่จะเปิดการทำงานอย่างเป็นทางการ

สำหรับคณะทำงานชุดนี้ โดยคณะทำงานประกอบด้วย 1.นายรังสิมันต์ โรม 2.น.ส.พรรณิการ์ วานิช 3.พล.ท.พงศกร รอดชมภู 4.นายอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล 5.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ 6.พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ 7.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ซึ่งกรณีนายสิรวิชญ์จะไม่ใช่กรณีเดียวที่คณะทำงานชุดนี้จะช่วยดูแล แต่จะมีกรณีคุกคามและละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่นๆ อีก

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวเป็นการสะท้อนว่าการทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ล้มเหลวหรือไม่ นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กรณีนี้อาจเป็นกรณีที่สังคมสนใจมากจึงมีการเด้งรับอย่างรวดเร็ว จากทั้งรัฐบาลและตำรวจ แต่หากดูจากภาพรวมที่นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมถูกทำร้าย การดำเนินการที่จะดูแลนักเคลื่อนไหวเหล่านี้จะช้าเป็นพิเศษ แต่วันนี้มีความแตกต่างสำคัญ คือ มีสภาที่จะคอยตรวจสอบแทนประชาชน พรรค อนค.จะใช้ช่องทางนี้ในการดำเนินการอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสโซเชียลมีเดีย ที่มีคนแสดงความยินดีที่นายสิรวิชญ์ถูกทำร้ายเพียงเพราะเห็นต่างทางการเมืองนั้น เรากังวลในเรื่องนี้ อยากให้ย้อนกลับไปมองว่า กรณีดังกล่าวคล้ายกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะมองเขาเป็นแบบไหน แต่ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เพื่อนร่วมชาติชาวไทยด้วยกันจะยินดีหรือสมน้ำหน้า กับการถูกทำร้ายจนสาหัสของคนคนหนึ่ง ขอให้เห็นอกเห็นใจกันในฐานะเพื่อนมนุษย์

เมื่อถามถึงแนวทางการสู้คดี 21 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคได้พูดคุยกับ ส.ส.ที่ตกเป็นประเด็นแล้ว ซึ่งเรามองว่าไม่มีปัญหาอะไรในส่วนของคดีหุ้น เนื่องจากเราทำตามที่กฎหมายรับรองทุกอย่าง เชื่อว่าเรื่องนี้หากกระบวนการยุติธรรมมีความยุติธรรมอย่างแท้จริง เรื่องนี้จะไม่มีผลอะไรต่อการทำงานของผู้แทนของเรา