พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน ชี้ช่องทาง 'ศรีร่มเย็นธรรม'

พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน ชี้ช่องทาง 'ศรีร่มเย็นธรรม'

"โลกโซเชียลทุกวันนี้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว แต่ยังไม่เร็วเท่ากับการโพสต์ด้วยความรู้สึกจากสิ่งที่เราเห็น เมื่อเห็นแล้วอาจจะรู้สึกขำแต่สำหรับบางคนอาจจะไม่สามารถจะดำเนินในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ..

..เพราะฉะนั้นการมีสติไม่ว่าเราจะเห็น เราจะรู้สึก เป็นเพียงบางด้านเท่านั้น อาจไม่ใช่ทั้งหมดที่เรารู้ เราควรมีสติในการคิดการดู จะทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม” เป็นช่วงหนึ่งในการบรรยายของ พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น หัวข้อ “ศรีร่มเย็นธรรม” ในโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดโดย บมจ. ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย
          

พระอาจารย์เอกชัยแจกแจงด้วยว่า ทุกวันนี้คนจำนวนมากหาความสุขในรูปแบบที่ไม่ต่างกัน ความสุขของคนทั้งหลายคืออะไรก็ได้ที่ชอบ แต่ถ้าหมดสิ่งที่ชอบก็จะไม่มีความสุข นั่นถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะไม่ได้นำไปสู่การลองเรียนรู้ มนุษย์ทุกคนถ้าไม่ฝึกตน เราจะไม่ต่างอะไรจากสัตว์ทั่วไปบนโลกใบนี้ สัตว์ทั่วไปบนโลกใบนี้เหมือนกันคือเมื่อมีสิ่งที่ชอบก็จะมีความสุข เมื่อมีสิ่งที่ไม่ชอบก็จะทุกข์ เพราะสัตว์เหล่านั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดให้เกิดสติว่าชอบ เช่น หนีเรียนไปเที่ยวกับเพื่อน เล่นการพนัน ไม่ได้คิดเลยว่าไม่ดี ชอบก็ทำไปแต่เมื่อไหร่ที่คิดได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีงามเราจะไม่ทำ เมื่อนั้นเริ่มเกิดสภาวะของการมีสติระลึกได้ ความเป็นมนุษย์ก็เกิดขึ้นมา ในทางกลับกัน เช่น ถ้าสิ่งที่เราไม่ชอบเลย พ่อแม่บ่น ลูกหลานเตือน ผู้บังคับบัญชาว่า ทำให้รำคาญ แต่พอนึกมีสติขึ้นมาคือเรื่องที่ดีทั้งนั้น เพราะเขารักและห่วงใย เราก็ปฏิบัติตามเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องฝึกฝน

 เราลองคิดดูว่าคนหนึ่งคนตั้งแต่เกิดขึ้นมาเรามีความสุขด้วยการที่เราเลือกถูกมากน้อยขนาดไหน ส่วนใหญ่มีแต่ถูกใจ ถูกต้องไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเมื่อไหร่เรายังคงจะเลือกความสุขอย่างสิ่งที่ถูกต้อง เช่น ลูกต้องดี คนต้องพูดดีกับเราหรือทุกสิ่งเป็นอย่างที่เราต้องการมันจะเป็นการจำกัดความสุขของเราที่แคบเหลือเกิน คนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดขึ้นมาเพื่อมีชีวิตหลายด้านไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวเล็กๆ แทบจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย พอโตขึ้นมาเราก็เรียนหน้าที่ของเราคือการศึกษา จบมาเราก็ทำงาน เสร็จแล้วเราก็มีวัยชราลาจากโลกนี้ไป เพราะฉะนั้นทุกห่วงเวลาจริงๆ แล้วมันมีความหมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราปฏิบัติอย่างไรในสิ่งที่เราทำมันไปสู่ธรรม ทำให้คนคนหนึ่งเกิดศรัทธาหรือเปล่า

ในหลายๆ ครั้งที่เราสับสนเรื่องของกระบวนการความคิด เรามักจะคิดไปเรื่อยและบางทีคิดผิดคิดถูกไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ จริงๆ แล้วปัญหาไม่ได้เกิดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหมือนกับเราที่ผ่านมาคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะลูก สามี ภรรยา เป็นเพราะนู้นเป็นเพราะนี่ เราไม่เคยนึกสักทีเลยว่าจริงๆ แล้วเราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานั้นด้วย เพราะฉะนั้นหลายๆ อย่างที่แก้ไม่ได้มันอาจไม่ใช่เป็นเพราะคนข้างนอกเขาไม่แก้ มันอาจจะเกิดจากตัวเราซะด้วยซ้ำที่เราไม่เริ่มที่จะแก้ก่อนตั้งที่จริงแล้วมันง่ายกว่า การมีสติอยู่กับสิ่งที่ทำเป็นการป้องกันการปรุงแต่งต่างๆ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเราไม่ดื้อด้านจนเกินไปสามารถแก้อะไรได้เยอะแยะมากมายในชีวิตของตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่มันสายก่อนที่เราจะแก้ไข หลายคนมักจะบอกว่าอายุมากแล้วไม้แก่ดัดยาก การที่เราจะมีใช้ชีวิตอย่างผู้สูงวัยที่น่ารักมันไม่ใช่แค่บอกว่าฉันเป็นใครมาบ้าง อาบน้ำร้อนมาก่อน เพราะถ้าเมื่อไหร่เรารู้ว่าโลกมันเป็นอะไรหมายความว่าเราต้องพร้อมในส่วนใดนั้นคือ ความเข้าใจในโลกเพิ่มขึ้นแต่กลับสวนทางยิ่งเราบอกว่าเราเข้าใจโลกแต่ในขณะเดียวกันเรากลับมีการปฏิบัติที่สวนทาง ท้ายที่สุดชีวิตก็จะไม่ดี เราอาจจะจากไปปราศจากสิ่งที่ดีงาม

หากอยากจะหาความหมายหาคุณค่าให้กับชีวิต ลองคิดดูว่าคนหนึ่งคนตั้งแต่เกิดมามีความสุขด้วยการเลือกถูกมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่มีแต่ถูกใจ ถูกต้องไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเมื่อไหร่เรายังจะเลือกความสุขอย่างสิ่งที่ถูกต้อง เช่น ลูกต้องดี ผู้อื่นต้องพูดดีกับเรา หรือทุกสิ่งเป็นอย่างที่ต้องการ สิ่งนั้นจะเป็นการจำกัดความสุขที่แคบเหลือเกิน คนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดมาเพื่อมีชีวิตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวเล็กๆ แทบจะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เมื่อโตขึ้นก็ศึกษาเล่าเรียน จบมาก็ทำงาน และแล้วก็มีวัยชราลาจากโลกนี้ไป เพราะฉะนั้นทุกห้วงเวลาจริงๆ แล้วมีความหมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราปฏิบัติอย่างไรในสิ่งที่มุ่งไปสู่ธรรม ทำให้คนคนหนึ่งเกิดศรัทธาหรือไม่

ท่านเจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็นอธิบายว่า การมีสติอยู่กับสิ่งที่ทำเป็นการป้องกันการปรุงแต่งต่างๆ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเราไม่ดื้อจนเกินไป จะสามารถแก้อะไรได้เยอะแยะมากมายในชีวิตของตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่สายเกินแก้

อย่างหนึ่งของสัจจะธรรมก็คือ เมื่อเราทำความดี เมื่อเราให้ทาน สิ่งที่ได้ทันทีคือความสุข เช่นเดียวกันในขณะที่ทำอะไรก็ตามความรู้สึกอยากบริจาค เราปรารถนาให้สิ่งที่เราให้ไม่ว่าเป็นอะไรก็ตาม รอยยิ้ม โอกาส กำลังใจ สิ่งที่ได้กลับมาทันทีคือความสุข หลายคนมักคิดว่าทำความดีขนาดนี้สิ่งที่ทำดีไม่ตอบสนองเลย อย่าไปคิดให้ท้อแท้ ผลประโยชน์ของการปลูกเมล็ดพืช อาจจะไม่ได้ผลในระยะที่เท่ากัน เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ได้คือ การใส่ใจในการกระทำแล้วจะเห็นในสิ่งที่เราได้รับ

การมีสิ่งที่เป็นผลประโยชน์จากการปฏิบัติดีเรายังคงต้องมี แต่ไม่ได้สำคัญเลยเมื่อวันหนึ่งเราต้องลาจาก เงินทองสักบาทก็เอาไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงเราต้องไม่มี ทำไมเราถึงไม่สัมผัสของการทำความดีแล้วมีความสุขได้เลย เพราะเราทำความดีน้อยจนเกินไป เราทำความดีอย่างมีเงื่อนไข เราทำความดีเพราะว่าเราต้องการแค่นี้ เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า ทำความดีแล้วไม่เบียดเบียนตนเอง เพราะฉะนั้นท้ายที่สุดแล้วต้องเกิดจากหัวใจที่อยากจะเสียสละ แล้วเราจะพบหนทางเองว่าสิ่งไหนเหมาะสมที่สุด

สนใจร่วมฟังธรรมะบรรยายในโครงการ”เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” ได้ที่ ชั้น 11 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์ ถนนสีลมทุกวันศุกร์ เวลา 12:00 -13:30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ