หุ้นแบงก์ชั้นนำพุ่งหลังผ่านทดสอบภาวะวิกฤต

หุ้นแบงก์ชั้นนำพุ่งหลังผ่านทดสอบภาวะวิกฤต

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันศุกร์(28มิ.ย.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) บ่งชี้ว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง

ราคาหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกพุ่งขึ้นกว่า 1.5% ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกาทะยานขึ้นกว่า 2%

เฟด เปิดเผยว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 18 แห่งในสหรัฐบ่งชี้ว่า ธนาคารแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

การทดสอบดังกล่าวเป็นการประเมินว่า มีความปลอดภัยหรือไม่ที่ธนาคารต่างๆ จะดำเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินทุน ซึ่งรวมถึงการใช้เงินทุนพิเศษสำหรับการซื้อหุ้นคืน การจ่ายเงินปันผล และการใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากการตั้งสำรองหนี้เสีย โดยการทดสอบดังกล่าวได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือธนาคารต่างๆเหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2550-2552

ในการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งนี้ ธนาคารดอยซ์แบงก์สามารถผ่านการทดสอบ และถือเป็นแรงหนุนสำคัญ เนื่องจากธนาคารมีแผนปรับโครงสร้าง โดยดอยซ์แบงก์ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤตในปี 2558 2559 และ 2561 และหากดอยซ์แบงก์ไม่ผ่านการทดสอบอีกครั้ง ก็จะทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน ขณะที่นายคริสเตียน เซวิง ซีอีโอของดอยซ์แบงก์ กำลังพยายามพลิกฟื้นธุรกิจของธนาคาร และราคาหุ้นร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้

ขณะเดียวกัน เฟดได้สั่งให้เครดิต สวิส แก้ไขจุดบกพร่องในกระบวนการประเมินความพอเพียงของเงินทุนภายในเดือนต.ค. และจำกัดการใช้จ่ายทุนไว้ที่ระดับของปีที่แล้วไปจนกว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นอกจากนี้ เฟดได้อนุมัติแผนการใช้จ่ายเงินทุนของธนาคาร 16 แห่งซึ่งเข้าร่วมในการทดสอบภาวะวิกฤตในปีนี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา และ ซิตี้กรุ๊ป