หุ้นกลุ่มแบงก์หนุนดาวโจนส์ปิดบวก
แต่ช่วงบวกถูกจำกัด เหตุนักลงทุนไม่มั่นใจการเจรจาระหว่าง“ทรัมป์-สี จิ้นผิง”วันนี้
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (28มิ.ย.)ปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารแต่ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนการเจรจาการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 73.38 จุด ปิดที่ 26,599.96 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 2,941.74 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 8,006.24 จุด
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤตบ่งชี้ว่า ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งโดยราคาหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส, มอร์แกน สแตนลีย์, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกพุ่งขึ้นกว่า 1.5% ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกาทะยานขึ้นกว่า 2%
เฟด เปิดเผยว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 18 แห่งในสหรัฐบ่งชี้ว่า ธนาคารแต่ละแห่งมีเงินทุนเพียงพอที่จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น และทำการซื้อหุ้นคืน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่ได้คาดหวังสูงนักว่า การเจรจาการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิงในวันนี้ จะส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายยุติการทำสงครามการค้าระหว่างกันแต่หากปธน.ทรัมป์สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับปธน.สี จิ้นผิงได้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3,100 จุด หรือดีดตัวขึ้น 6% จากระดับปิดวานนี้ และหากการเจรจาล้มเหลวจนทำให้สหรัฐเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีน สถานการณ์นี้ก็จะฉุดให้ดัชนีดิ่งลง 5%