ชวนล ไคสิริ : "ผู้หญิงที่มาใส่ชุด Poem ต้องรู้จักสามอย่าง"

ชวนล ไคสิริ : "ผู้หญิงที่มาใส่ชุด Poem ต้องรู้จักสามอย่าง"

เปิดใจ ฌอน-ชวนล ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งห้องเสื้อแบรนด์ Poem (โพเอม) แจงละเอียดคอลเลคชั่น Ombre, มีอะไรในโลโก้โพเอม และ "การแสดงจุดยืนทางการเมืองของผม คือการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง"

ตีคู่มากับความร้อนแรงของข่าวการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในสังคมออนไลน์เมื่อวันที่5 มิถุนายน 2562 ก็คือชื่อ POEM (โพเอม) แบรนด์ห้องเสื้อดีไซเนอร์ไทย

เมื่อ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ สวมชุดสูทเสื้อแจ๊คเก็ต-กางเกงไล่โทนสีจากขาวไปดำ เข้าประชุม จนกลายเป็นประเด็นเรื่อง 'ความเหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะหรือไม่' เนื่องจากผู้เข้าประชุมทุกคนได้รับแจ้งล่วงหน้าให้แต่งกายไว้ทุกข์สีดำ

ฉับพลันที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ชุดที่ใส่เหมาะสมกับกาลเทศะแน่นอน ไม่ใช่ชุดไม่สุภาพ พร้อมอธิบายชุดที่สวมใส่ว่าคือคอลเลคชั่น Black & White Ombre ของแบรนด์ โพเอม หน้าสื่อโซเชียลมีเดียก็เต็มไปด้วยข่าวจากคำค้นหา Poem ทั้งประวัติดีไซเนอร์ ขุดค้นภาพเปรียบเทียบชุดดังกล่าวว่ามีดาราคนไหนเคยสวมใส่ เลยเถิดไปจนสรุปเอาเองถึงจุดยืนทางการเมืองของดีไซเนอร์ ฌอน-ชวนล ไคสิริ เจ้าของและผู้ก่อตั้งห้องเสื้อแบรนด์โพเอม และผู้ออกแบบคอลเลคชั่นออมเบร (Ombre) อันลือลั่น

@ จากสถานการณ์วันนั้น ข่าว ‘โพเอม’ เต็มหน้า feed โซเชียลมีเดีย ตกใจหรือไม่

ไม่ได้ตกใจ เพราะก่อนหน้านี้เราเคยเห็นคุณช่อใส่ชุดโพเอมมาประมาณสามครั้งแล้ว ถ้าดูดีๆ เขาจะเลือกชุดเรดดี้ทูแวร์ เหมือนเขาเดินเข้ามาในร้านแล้วซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพราะไม่ได้เจอกับผม ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว 

ชุดโพเอมมีจุดเด่น มันจะเห็นตั้งแต่ร้อยเมตร สองร้อยเมตร คือเดินมาไกลๆ ก็ดูรู้ว่าเป็นโพเอม ด้วยเรื่องสี โดยเฉพาะคอลเลคชั่นที่คุณช่อใส่ สีที่ไล่ขาวไปดำ เห็นจากระยะไกลชัดมาก ทุกครั้งที่คุณช่อใส่ชุดโพเอม ชาวเน็ตหรือคนที่ติดตามแฟชั่นจะรู้ ว่านี่คือโพเอม 

มันมีอะไรบางอย่าง ใช้คำว่าอะไรดีล่ะ เหมือนเตรียมใจไว้แล้ว พึงระลึกไว้แล้วว่าเขาใส่ของเรา จนวันเลือกนายกฯ ตอนเช้าที่คุณช่อใส่ ผมเห็นลุคครั้งแรก ผมรู้เลยว่าต้องมีประเด็น ผมอยู่ในวงการนี้มา 13 ปี ผมเริ่มเข้ามาในสายการทำพีอาร์และอยู่กับโซเชียลเน็ตเวิร์คมาห้าปี ผมรู้ว่าจังหวะ ด้วยตัวเขาเองเป็นข่าวอยู่แล้ว พรรคเขามีข่าวอยู่แล้ว มีคนรอพูดถึงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นชุดที่ดีไซน์ชัดขนาดนี้ ต้องถูกพูดถึง 

แต่ผมไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ ผมก็โพสต์รูปในลุคบุ๊คที่นางแบบใส่ชุดนั้นขึ้นมาตอนเช้าหลังจากเห็นคุณช่อใส่ บอกว่านี่คือคอลเลคชั่นพรีฟอลล์ 2019 คือเริ่มขายเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่จริงขายหมดไปแล้ว คิดว่าคุณช่อซื้อชุดสุดท้ายไปจากร้านนี้เลย ไม่มีขายอีกต่อไปแล้ว 

จากการวิเคราะห์โดยส่วนตัว สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีผลกับการขาย ยอดขาย หรือทำให้มีคนเดินเข้ามาซื้อ เพราะคนส่วนมากที่รับรู้ข่าวนี้แล้วพูดถึงโพเอม อาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าของโพเอม แต่ทำให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มคนที่กว้างขึ้นและในกลุ่มคนที่สนใจข่าวการเมือง ซึ่งหลายคนไม่ได้รู้จักโพเอมมาก่อนเลย เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อโพเอม ชื่อของไทยดีไซเนอร์ แต่เราไม่คิดว่าเราจะไปแสดงผลงานหรือเป็นวิธีนำเสนอผลงานของเรานะครับ

20190620142435581

@ แต่มีจุดที่ทำให้กลายเป็นไวรัล(viral) 

เพราะเริ่มมีการวิจารณ์เชิงลบ เริ่มมีความเห็นขัดแย้ง เริ่มมีการเปิดประเด็นว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม ในทวิตเตอร์จึงมีคนแชร์เยอะมาก เป็นจังหวะที่เกิดขึ้นเหมือนปีที่แล้วตอนเจนี่(เทียนโพสุวรรณ)ใส่ชุดโพเอมไปคานส์ คนชมเยอะ คนก็ด่าเยอะ กลายเป็นไวรัล (ดราม่าแฮชแท็ก #เกิดที่ไทยไปตายที่คานส์)

การที่เราอยู่ในโลกดิจิทัลและเราเรียนรู้วิธีอยู่กับมัน ข่าวการเมืองแบบของคุณช่อ-พรรณิการ์ ก็เป็นอีกเคส เป็นสิ่งใหม่ที่ผมเรียนรู้ แต่รูปแบบและจังหวะการนับชั่วโมงหลังจากโพสต์รูปครั้งที่หนึ่ง เกิดมีคนด่า แล้วนับกี่ชั่วโมงจึงจะเป็นไวรัล คนจะแชร์ไปได้ประมาณห้าวัน ทุกอย่างวนซ้ำ(loop)แบบเดิมหมดเลย เคยเจอมาหมดแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ เพียงแต่ครั้งนี้อยู่ในสภา

@ คุณฌอนยืนยันว่าไม่ใช่การแสดงจุดยืนทางการเมือง 

ผมไม่ได้รู้จักกับคุณช่อเป็นการส่วนตัว การที่คุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช ใส่ชุดของโพเอม ไม่ได้เป็นการบอกหรือไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนทางการเมืองของดีไซเนอร์คือตัวผมเอง หรือตัวแบรนด์โพเอมว่าเรามีจุดยืนทางการเมืองเป็นอย่างไร มันไม่เกี่ยวกันเลย 

แต่กระแสในทวิตเตอร์จะบอกว่า โพเอมเป็นสปอนเซอร์ให้กับอนาคตใหม่ อันนี้ผิดมาก 

ผมก็เข้าไปโพสต์เลยว่าข่าวมั่วแล้วครับ แล้วคนก็แค็ปที่ผมโพสต์มาแชร์ต่อกัน เพจอวยไส้แตกก็ช่วยแชร์ให้ มันเกิดเป็นลูป เกิดขึ้นอยู่ประมาณห้าวัน แล้วก็จะเงียบไป ถ้าช่วงห้าวันนี้เรานิ่งและใช้ข้อมูลที่คอมเมนต์เข้ามาให้เป็นประโยชน์ ก็จะเป็นผลดี แต่ถ้าเราพยายามเถียง สู้ ด่ากลับไป ไม่มีประโยชน์ มีแต่ทำให้เราเสียสุขภาพจิต

เพื่อนๆ ในแวดวงทักไลน์ โทรมา มันเป็นประเด็นที่ทุกคนก็เตือน ว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวกับประเด็นการเมือง ที่จริงผมก็มีจุดยืนชัดเจน ว่าผมชอบนโยบายพรรคไหน ชอบแนวความคิดแบบไหน และเราตัดสินใจเอง เราไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนสิบคนที่คิดแบบนี้แล้วเราต้องคิดเหมือนเขา ถ้าผมจะแสดงมุมมองทางการเมือง ผมก็ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง

@ ถ้ามีลูกค้านักการเมืองเดินเข้ามา

ก็ต้อนรับทุกอย่างปกติ เราก็ทำงานของเราให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาโพเอมก็มีลูกค้าวีไอพี คุณตั๊น-จิตภัสร์ (กฤดากร) หรือ โพเอม เมนสแวร์(Poem Menswear) เราก็มีส.ส.พลังประชารัฐ เราไม่ได้ทำพีอาร์ เราไม่ได้พูดถึง เพราะเราให้เกียรติลูกค้าทุกคน และชุดที่เขาใส่เป็นชุดดีไซน์เรียบ จึงไม่มีประเด็น  บางทีคุณตั๊นใส่ชุดสีกรมท่าเข้าสภาเข้าทำเนียบ เราก็ไม่ได้ประกาศว่าเราทำชุดให้ มันบังเอิญที่คุณช่อเลือกชุดที่มีดีไซน์สะดุดตามากๆ เลยเป็นประเด็น

20190620142115554

@ อธิบายคอลเลคชั่น Ombre ของโพเอมให้ฟังหน่อยครับ

มาจากแนวคิดเรื่องของแสงเงา เหมือนผู้หญิงใส่สูทสีขาวยืนอยู่ตรงมุมตึก แล้วแสงตกมาสว่างแค่ช่วงหน้ากับหน้าอก แล้วครึ่งล่างก็ตกแสงไป เราแปรแนวคิดนี้มาเป็นการทำสีแบบไล่โทน ถ้าเป็นดำไล่ไปกรมท่า ก็จะไม่ฉูดฉาดเท่าขาวไล่ไปดำ ซึ่งเป็นเทคนิคการพิมพ์ดิจิทัลที่ยากที่สุด ต้องการความแม่นยำในเรื่องการพิมพ์สี อุณหภูมิ น้ำหนัก เพราะเป็นเทคนิคการพิมพ์ผ่านความร้อน เรียกว่า heat transfer ถ้าผมพิมพ์ผ้าขึ้นมา 10 ชิ้น จะเสีย 4 ชิ้น ใช้ได้ประมาณ 5-6 ชิ้น 

สีขาวไล่ไปดำเป็นสีที่ยากมาก ผมสั่งทอผ้าผืนนี้เป็นสีขาว และผมก็มีโรงพิมพ์ โพเอมคิดเทคนิคการพิมพ์ไล่สีแบบนี้เองทั้งหมด ทำแพทเทิร์นเป็นรูปสูทก่อน ต้องการให้สีดำอยู่ตตรงไหนเราก็ใส่เข้าไปในคอมพ์ มันจะปริ้นต์ลงกระดาษ เอากระดาษมาทับกับผ้า แล้วรีดทับด้วยความร้อน ส่วนไหนที่เป็นสีดำจะเป็นตำแหน่งที่เราต้องการทั้งหมด

โพเอมที่ผ่านมา 13 ปี ทุกคนจะเข้าใจว่าโพเอมเป็นชุด ‘เอวสับ’ แต่ที่จริงปี 2018 โพเอมมีซิกเนเจอร์อันหนึ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ในคอลเลคชั่นออทั่ม/วินเทอร์ เปิดตัวสิงหาคมปีที่แล้ว คือ เทคนิคการพิมพ์ไล่สีออมเบรนี่แหละ เป็นศัพท์ของช่างแต่งหน้าทำเฉดดิ้ง ไล่สี หรือทาลิปสติกให้ขอบปากเป็นสีเข้ม ตรงกลางปากสีสว่าง ให้ปากดูนูนขึ้น มันคือการลวงตาให้เกิดมิติ

ออมเบรของโพเอม เบสิกง่ายๆ คือเราหลอกให้เอวดูเล็กด้วยสีเข้ม ดูมีหน้าอกด้วยสีที่สว่าง แล้วเราก็ผสมกับรูปทรงคอร์เซต(corset)เข้าไป ผู้หญิงของโพเอมก็จะเป็นผู้หญิงที่มีรูปทรงของนาฬิกาทราย

ออมเบรที่สองคือ ครูซ 2019 (Cruise Collection) คือที่คุณช่อใส่ เปิดตัวมกราคมที่ผ่านมา ที่จริงเรามีซัมเมอร์เปิดตัวมีนาคม แต่ไม่มีออมเบร เพราะเรารู้สึกว่าเยอะเกินไป เราหยุดไปพักหนึ่ง 

แต่ออมเบรเป็นสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องเยอะมาก คนจะถาม เราเลยทำพรีฟอลล์ที่เปิดตัวเมื่อต้นเดือนมิถุนายน เป็นสีเขียวไล่เป็นสีดำ คอลเลคชั่นนี้อินสไปเรชั่นมาจากนาคี เรื่องของพญานาค ละครและภาพยนตร์ที่แต้ว(ณฐพร เตมีรักษ์)กับญาญ่า(อุรัสยา เสปอร์บันด์)เล่นเมื่อช่วงปีสองปีที่ผ่านมา 

ด้วยความบังเอิญหลายๆ อย่างในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผมได้ไปไหว้ที่คำชะโนด จังหวัดอุดรฯ มีหลายอย่างเกิดขึ้นโดยเป็นเรื่องบังเอิญที่บอกว่า เราได้รับพรจากสิ่งนี้ เช่นครั้งหนึ่งที่น้องแต้วไปรับรางวัลจากละครเรื่องนาคีที่ประเทศญี่ปุ่น พี่แดงภรรยาที่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์(วชิรบรรจง)ให้ผ้าไหมมัดหมี่มาชิ้นหนึ่ง พี่แดงบอกว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้ผ้าชิ้นนี้ ปกติผมไม่ใช้ผ้าไทย เพราะใช้ยากที่จะดูโมเดิร์น ผมก็พยายามดีไซน์ให้ออกมาดูเรียบที่สุดและดูเป็นโพเอมที่สุด โดยใช้ผ้าครบทุกส่วน ตอนแรกผมจะตัดเชิงของมัดหมี่ทิ้งไป คุณแม่น้องแต้วบอกไม่ได้..เสียดาย น่าจะนำมาเป็นเป็นโบหรือเป็นหางอะไรสิ ผมก็เลยลองมาจับเดรปขึ้นหุ่นกลายเป็นฟอร์มหางคล้ายๆ หางพญานาค ทันทีที่แต้วใส่ รูปแรกที่โพสต์ลุค กลายเป็นไวรัลเร็วมาก เหมือนเป็นเมสเซจว่าการที่เราไหว้ที่คำชะโนดเหมือนท่านอวยพรเรา หลังจากนั้นผมก็พาออฟฟิศกลับไปทำบุญที่นั่นอีก ทั้งหมด 3 ครั้งแล้วครับ

ผมเลยทำคอลเลคชั่นนี้เป็นแคปซูล(capsule collection) มีทั้งหมด 12 ลุค เล่าเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อพญานาคและความหลงใหลในสิ่งลี้ลับของคนไทย เกี่ยวกับรูปทรงของบายศรีที่คนไทยทำฟอร์มเส้นโค้งขึ้นมาด้วยการพับไปพับมา เป็นสีเขียวไล่ไปดำ สีของพญานาคคือสีเขียว เป็นการตีความเล่าเรื่องพญานาคในแบบโมเดิร์น เราไม่มีลายพิมพ์ที่เป็นพญานาค ทั้งหมดเป็นฟอร์มของผู้หญิงที่เป็นโมเดิร์นและใส่แสงเงาเข้าไป คุณสามารถใส่ชุดนี้ไปงานแต่งงานได้ ไปปาร์ตี้ หรือไปทำงานก็ได้

20190620142435521

@ คาแรคเตอร์จริงๆ ของเสื้อผ้าโพเอมเป็นอย่างไรครับ 

ความเป็นโพเอมมีนิยาม 3 คำ ตอนเริ่มต้นทำแบรนด์เมื่อปี 2006 เราเริ่มต้นจากคำ 3 คำ คือ Timeless อยู่เหนือกาลเวลา, Noble ความสง่างาม ความเป็นผู้ดี ชาวเน็ตใช้คำว่า “ดูแพงมาก” และ Glamorous ดูหรูหราดูเป็นผู้หญิงในแบบที่โตเป็นผู้ใหญ่

สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้โพเอมเป็นโพเอมได้ทุกวันนี้ คือเรื่องการทำแพทเทิร์นเสื้อผ้า ด้วยความแบ็คกราวด์ผมมีคุณแม่เป็นช่างเสื้อมาประมาณ 40 กว่าปี เป็นร้านตัดเสื้อที่สุรวงศ์ ตอนผมทำโพเอมเป็นช่วงหลังฟองสบู่แตก ช่วงนั้นช่างเสื้อหายไปหมดเลย ไปทำอาชีพอื่นกัน แล้วคุณแม่ก็ไม่ค่อยมีลูกค้า ช่างก็มีอยู่ทีมหนึ่งประมาณ 10 คน แต่งานก็ไม่ค่อยมี การที่ผมเปลี่ยนโดยบอกคุณแม่ว่า ลองมาทำเสื้อผ้าสำเร็จรูปขายกันดูไหม ก็ทำให้ช่างกลุ่มนั้นยังมีงานทำอยู่ และมีหลายคนที่ทำจนมาถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ชัดเจนและเป็นความคิดหลักที่ทำให้คนมีภาพจำของโพเอมที่ชัดที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเป็นแพทเทิร์นเสื้อที่มาจากคุณแม่ แต่ผมเอามาแปรให้ดูโมเดิร์นขึ้น

ด้วยคอนเซปต์ที่เราบอกเราเป็นไทม์เลส โนเบิล แกลมเมอรัส เสื้อผ้าเราค่อนข้างเป็นกลาง มีความนิ่งๆ ผู้หญิงที่มาใส่ชุดโพเอมต้องรู้จักสามอย่าง

อย่างแรก ‘ต้องรู้จักตัวเอง’ ทำให้รู้ว่าบอดี้ตัวเองเป็นอย่างไร คาแรคเตอร์เป็นอย่างไร ต้องแต่งตัวอย่างไรที่จะทำให้เขามั่นใจ สิ่งสำคัญที่สุดของแฟชั่นคือ ต้องทำให้คุณมั่นใจ จะสวยจะเซ็กซี่ยังไงไม่สำคัญเลย ถ้าคุณไม่มั่นใจไม่มีประโยชน์

สอง ‘รู้จักกาลเทศะ’ จะไปไหนต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะเหมาะสม จะทำให้เสื้อผ้าที่เขาซื้อไปอยู่กับเขาได้นาน

สาม 'ต้องรู้จักการใช้เงิน' ซื้อเสื้อครั้งหนึ่งชุดหนึ่งไม่ได้ใส่แค่ครั้งเดียวแน่ๆ ลูกค้าโพเอมจะต้องแมตช์เสื้อกับกระโปรงให้ได้ลุคใหม่ๆ ได้ ซึ่งเป็นไทม์เลสของโพเอม เช่น เสื้อปี 2006 ต้องใส่กับกระโปรงของปี 2019 ได้ ถ้าคุณยังเป็นไซส์เดิม เป็นการลงทุนที่น่าสสนใจ เพราะมีเรื่องตัวเลขเข้ามา มีเรื่องความคุ้มค่าของการใช้งาน 

20190620142435164

@ คุณฌอนมีเหตุผลอย่างไรในการตั้งชื่อแบรนด์ว่า โพเอม(Poem) ไหมครับ

Poem แปลว่า กวี คนแต่งกลอน, มาจากบทเรียนคลาสหนึ่งตอนผมเรียนสถาปัตย์ จุฬาฯ ปีสี่ โตในระดับหนึ่งก่อนจบ เขาจะเรียนเรื่องทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ (aesthetic theory) คือเรื่องความงามการออกแบบ ตอนเด็กๆ เราชอบคิดว่าความงามต้องไม่มีทฤษฎีเป็นข้อๆ แต่วิชานี้เป็นวิชาเชิงจิตวิทยากับการออกแบบ ทำอย่างไรให้คนมอง มองแล้วจะตัดสินความงามอย่างไร สถาปนิกที่ดี ดีไซเนอร์ที่ดี ต้องใช้เหตุผลกับความงาม เราต้องมีหลักการชัดเจนความงามของเราเป็นอย่างไร วิชานี้แบ่งความงามเป็นสามระดับ โพรโวเคทีฟ(provocative)เปิดประเด็น ระดับกลางเรียกทรานสฟอร์เมทีฟ(transformative)เริ่มสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมา และระดับสูงสุดคือโพเอทติกบิวตี้(poetic beauty) งามเหมือนดั่งบทกวี ไปถึงขั้นที่เป็นงานศิลปะได้ ผมชอบคำๆ นี้มาก ตอนเริ่มต้นสร้างแบรนด์ลองคิดดูว่าจะใช้ชื่ออะไรที่สั้น จำง่าย ยังไม่มีใครใช้ ชื่อ ‘โพเอม’ เป็นชื่อหนี่งที่อยู่ในลิสต์ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วว่าเราอยากใช้ชื่อนี้ถ้าเราทำแบรนด์เสื้อผ้า

ในโลโก้ ‘ตัวโอ’ เป็นสัญลักษณ์ของกระสวยเย็บผ้า สิ่งสำคัญของการทำงานของช่างเสื้อ เกิดฟันเฟืองของจักรเย็บผ้า และในตัวโอมีสัญลักษณ์ของดอกกุหลาบห้ากลีบ ถ้าเคยอ่านหรือดูหนังเรื่องดาร์วินชี่โค้ด(The Da Vinci Code) ลำดับฟีโบนัชชี(Fibonacci)ในหนัง คือสัญลักษณ์ที่ดาวินชี่ส่งต่อรหัสมาถึงไพรเออรี ออฟ ไซออน(Priory of Sion)รุ่นหลัง กุหลาบห้ากลีบเป็นสัญลักษณ์ของความงามตามธรรมชาติที่ลดทอนให้เหลือน้อยที่สุด ปกติกุหลาบมีกลีบซ้อนกันเยอะ แต่กุหลาบห้ากลีบเป็นเฟลอร์เดอลีส์(Fleur-de-lis)ที่เป็นสัญล้กษณ์ในเรื่อง ผมคลั่งไคล้หนังสือเรื่องนี้มาก เลยเอาสัญลักษณ์นี้มาทำเป็นไส้กระสวยเย็บผ้า ตรงกลางเป็นเพนทาเคิล(pentacle)รูปดาว ความเชื่อของเพเกิน(pagan)

20190620142435358

ภาพ : กอบภัค พรหมเรขา

สถานที่ : POEM Flagship Store ชั้น 2 เกษรวิลเลจ