18 หน่วยงานพันธมิตร เสริมแกร่ง SMEs ทั่วประเทศ ก้าวไกลไปพร้อมกัน

18 หน่วยงานพันธมิตร เสริมแกร่ง SMEs ทั่วประเทศ ก้าวไกลไปพร้อมกัน

อย. ลงนาม MOU ร่วมกับพันธมิตรรวม 18 หน่วยงาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบส่งเสริม SMEs ไทยทั่วประเทศ ใช้ขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงานในการช่วยเหลือ SMEs ให้มีประสิทธิภาพและพัฒนา อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบส่งเสริม SMEs แบบบูรณาการในพื้นที่ภูมิภาคของประเทศไทย หรือกลไก RISMEP (Regional Integrated SME Promotion) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร รวมทั้งสิ้น 18 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน กรมทรัพย์สิน ทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เครือข่ายธุรกิจ Biz Club ประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ว่า การจะส่งเสริมธุรกิจ SMEs ให้เข้มแข็งได้จะต้องประกอบไปด้วยความพร้อมและการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน อย. จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา SMEs มาร่วมกันช่วยเหลือและพัฒนา SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการให้บริการ SMEs ด้วยการสร้างเครือข่ายบริการส่งเสริม SMEs ทั้งภาครัฐและเอกชน มีเป้าหมายในการให้บริการที่เกิดจากการจัดแผนการส่งเสริม SMEs (Support Plan) ส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปให้ได้รับมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (GMP) รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างพื้นที่ เพื่อมุ่งสู่การให้บริการในรูปแบบ One-stop Service ที่มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ของรัฐ อาทิ การทำงานในลักษณะ การบูรณาการระหว่างหน่วยงาน การสนับสนุนการให้บริการของศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ICT) และศูนย์ช่วยเหลือและสนับสนุน SME (SSRC) เป็นต้น

เลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงาน ของหน่วยงานให้สามารถส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจ ขนาดเล็ก วิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ OTOP และบุคคลทั่วไปที่ประกอบธุรกิจ ให้สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของสมาชิกเครือข่าย ได้อย่างง่ายดาย ครบถ้วน และตรงกับความต้องการ อย่างแท้จริง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ให้ไปต่อได้ไกลขึ้น เนื่องจากทั้ง 18 หน่วยงาน ที่ร่วมมือกันในครั้งนี้ ล้วนมีความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ ในประเทศ ดังนั้นการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ MOU ฉบับนี้จะทำให้ SMEs สามารถเข้ามารับคำปรึกษา และพัฒนาธุรกิจของตนเองได้และเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระจายโอกาสและส่งผลดีต่อ SMEs ทั่วประเทศไทย