เมียนมาเล็งขึ้นค่าไฟครั้งแรกรอบ 5 ปี

เมียนมาเล็งขึ้นค่าไฟครั้งแรกรอบ 5 ปี

เมียนมาเตรียมขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หวังนำเงินไปลงทุนพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งประสบปัญหาไฟดับบ่อยครั้ง

รัฐบาลเมียนมา ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จะปรับขึ้นค่าไฟฟ้ามากถึง 3 เท่าสำหรับครัวเรือนและ 2 เท่าสำหรับภาคธุรกิจ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์หน้า (1 ก.ค.) เป็นต้นไป

ภายใต้นโยบายใหม่ อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับลูกค้าครัวเรือนจะยังอยู่ที่ 35 จ๊าดต่อชั่วโมงสำหรับการใช้งานไม่เกิน 30 กิโลวัตต์-ชั่วโมง หากใช้เกินกว่านั้น ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น125 จ๊าด ขณะที่ธุรกิจจะจ่ายค่าไฟฟ้า 125-180 จ๊าด เพิ่มขึ้นจาก 75-150 จ๊าด

ความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของบรรดาโรงไฟฟ้าที่ประสบปัญหาขาดทุน หลังจำหน่ายไฟฟ้าได้ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอยู่มาก

ผลคาดการณ์ของธนาคารโลกที่เผยแพร่ในเดือนนี้ ระบุว่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าในเมียนมาเติบโต 11% ต่อปี เนื่องจากชาวเมืองซื้อของใช้ภายในบ้านมากขึ้นและระบบไฟฟ้ากระจายสู่หมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท

อย่างไรก็ตาม พลังงานไฟฟ้าของเมียนมาซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แทบไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างมานานเริ่มชำรุดทรุดโทรม

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมพลังงานเผยกับเว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิวว่า การขึ้นค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะลดผลขาดทุนของโรงไฟฟ้าได้เกือบทั้งหมด แต่จำเป็นต้องขึ้นภาษีนำเข้าพลังงานเพิ่มเติมในอนาคต หากเมียนมาต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) หรือพลังงานนำเข้าชนิดอื่น ๆ

รัฐบาลเมียนมาหาทางสนับสนุนให้ภาคเอกชน ซึ่งรวมถึงกลุ่มทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานที่ถูกรัฐผูกขาด ธนาคารโลกเตือนว่า เมียนมาจำเป็นต้องใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้า หรือมากกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2 เท่า และการขึ้นค่าไฟฟ้าก็มีความสำคัญต่อการอยู่รอดทางการเงิน

นายจอร์แดน เซเล ผู้อำนวยการประเทศของบริษัทเอฟเอ็มอาร์ รีเสิร์ช แอนด์ แอดไวเซอรี กล่าวว่า การขึ้นค่าไฟฟ้าจะบรรเทาแรงกดดันทางการคลังบางส่วนที่เกิดจากงบอุดหนุนด้านไฟฟ้า พร้อมกับส่งสัญญาณแก่นักลงทุนต่างชาติว่า เมียนมาพร้อมที่จะทำโครงการพลังงานให้กับประชาชน