“มาเลย์-จีน”พร้อมเท"อินเดีย"พ้นอาร์เซ็ป

“มาเลย์-จีน”พร้อมเท"อินเดีย"พ้นอาร์เซ็ป

จีนเริ่มหมดความอดทนกับความล่าช้าในการเจรจาเพื่อทำความตกลงอาร์เซ็ปของประเทศต่างๆ พร้อมทั้งเสนอให้เจรจากันต่อไปจนได้บทสรุปร่วมกันและลงนามให้สัตยาบันความตกลงนี้ร่วมกัน 13 ประเทศ ไม่ต้องมีอินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

มาเลเซีย-จีน เห็นตรงกัน การเจรจาที่จะนำไปสู่การทำความตกลงอาร์เซ็ปอาจมีประเทศลงนามรับรองสัตยาบันแค่ 13 ประเทศ ไม่มีอินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะไอเอ็มเอฟ เตือนสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนไม่เป็นประโยชน์ต่อการค้าทั่วโลก

ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) หรือ อาเซียน+6 อาจไม่มีอินเดียรวมอยู่ในความตกลงนี้ ขณะที่จีนเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับความล่าช้าของการเจรจาเพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และเสนอให้เดินหน้าการเจรจาต่อไปแค่ 13 ประเทศ โดยไม่มีอินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ทั้งนี้ บรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเจรจาให้สรุปผลให้ได้ในปีนี้ ตามที่ผู้นำตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากปัจจุบัน โลกอยู่ท่ามกลางภาวะตึงเครียดและความไม่แน่นอนทางการค้า ดังนั้น การสรุปผลการเจรจาให้ได้ตามกำหนดจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และเสริมสร้างความเข้มแข็งและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในภูมิภาคของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ทั้ง 6 ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

อาร์เซ็ป มีประชากรกว่า 3,560 ล้านคน หรือเกือบครึ่งของประชากรโลก มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 29% ของมูลค่าการค้าโลก โดยในปี 2561 ไทย กับประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ประมาณ 2.9 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 59.7% ของการค้ารวมทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ 12.6%

สำหรับประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปที่ไทยส่งออกมากที่สุด ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตามลำดับ โดยสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา เครื่องจักรกล เหล็ก

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของการเจรจาอาร์เซ็ปหยุดชะงักมานานหลายเดือน เนื่องจากอินเดียกลัวว่า สินค้าราคาถูกของจีนจะท่วมตลาด ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปกป้องแรงงานและสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันเสาร์ (22 มิ.ย.) ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ เตือนว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน กำลังสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้สองชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกทำสิ่งที่ถูกต้องและแก้ไขข้อขัดแย้งก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้

เว็บไซต์ข่าวนิกเคอิ รายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า จีนเริ่มหมดความอดทนกับความล่าช้าในการเจรจาเพื่อทำความตกลงอาร์เซ็ปของประเทศต่างๆ พร้อมทั้งเสนอให้เจรจากันต่อไปจนได้บทสรุปร่วมกันและลงนามให้สัตยาบันความตกลงนี้ร่วมกัน 13 ประเทศ ไม่ต้องมีอินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ขณะที่ นายเอ็งการ์ติอัสโต ลูกกิตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินโดนีเซีย มีมุมมองต่างออกไปจากจีนและผู้นำมาเลเซีย โดยระบุว่าหากขาดประเทศใดประเทศหนึ่งในการลงนามให้สัตยาบันความตกลงอาร์เซ็ป เขาจะไม่ลงนามความตกลงนั้น

“ผมได้หารือกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของมาเลเซีย และเราสองคนเห็นตรงกันว่าอยากให้ทั้ง16 ประเทศได้ลงนามรับรองความตกลงอาร์เซ็ปนี้ร่วมกัน” นายลูกิตา กล่าวพร้อมเสริมว่า เป็นเรื่องปกติที่คนบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่มีการหารือกันบนโต๊ะเจรจา แต่ตัวแทนเจรจาทั้ง 16 ประเทศต้องเร่งแก้ไขข้อเห็นต่างระหว่างกันให้หมดและลงนามรับรองความตกลงนี้ให้ได้ภายในปลายปีนี้

อย่างไรก็ตาม แม้สมาชิกจะสามารถสรุปผลเจรจาได้ในสิ้นปีนี้ แต่คงไม่สามารถลงนามความตกลงได้ในปี 2563 เพราะต้องรอให้สมาชิกทุกประเทศแปลงพิกัดศุลกากรของตารางการลดภาษีสินค้าให้เป็นพิกัดศุลกากรล่าสุดของปี 2560 ให้เสร็จก่อน เพราะในการเจรจาอาร์เซ็ป สมาชิกใช้ตารางการลดภาษีตามฮาร์โมไนซ์ปี 2555