บอร์ดสิ่งแวดล้อมไฟเขียวรายงานอีไอเอ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

บอร์ดสิ่งแวดล้อมไฟเขียวรายงานอีไอเอ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

รฟท. เตรียมชงครม.เห็นชอบก่อนดำเนินการลงนามกับภาคเอกชน เลขาธิการ ส.ผ. เผยบอร์ดกำชับการดำเนินงานช่วงที่มีความเสี่ยงเช่นการเจาะอุโมงค์เขาชีจรรย์และช่วงที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในวันนี้ (24 มิ.ย.)ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา) โดยจะนำเอาผลการประชุมฯไปรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในช่วงบ่ายรับทราบ และดำเนินการขั้นตอนลงนามในสัญญาระหว่างเอกชนที่ชนะโครงการกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ต่อไป

บอร์ดสิ่งแวดล้อมไฟเขียวรายงานอีไอเอ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เปิดเผยว่าหลังจากที่รายงาน EIA โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วหลังจากนี้ รฟท. ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดจะนำรายงาน EIA ไปเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ในการพิจารณาที่คณะกรรมการฯให้ความสำคัญคือการตั้งงบประมาณและดำเนินการเพื่อให้ครอบคลุมการดูแลและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของโครงการ การป้องกันเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยเฉพาะในช่วงที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่านพื้นที่เมือง การเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟใหม่ที่จะมีการก่อสร้างกับสถานีรถไฟเดิมของการรถไฟฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยให้ประชาชนมีความสะดวกในการเดินทาง

บอร์ดสิ่งแวดล้อมไฟเขียวรายงานอีไอเอ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ในขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการลดผลกระทบในเรื่องของการก่อสร้างในช่วงที่ต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นการเจาะอุโมงค์ลอดเขาชีจรรย์ในช่วงการก่อสร้างที่จะถึงสนามบินอู่ตะเภาซึ่งได้กำชับให้มีการควบคุมการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการก่อสร้างรวมทั้งระยะการดำเนินการ

“ที่ประชุมฯได้กำชับในเรื่องของการก่อสร้างและการดำเนินการในช่วงที่มีความอ่อนไหวอาจกระทบกับวิถีชีวิต เช่น โรงเรียน และวัด ซึ่ง รายงานอีไอเอที่เสนอเข้ามาพิจารณาในครั้งนี้ยังไม่รวมกับรถไฟความเร็วสูงช่วงต่อขยายเป็นช่วงการดำเนินการต่อจากระยะที่1ที่จะมีการก่อสร้างถึงสนามบินอู่ตะเภาส่วนระยะที่ 2 ที่จะมีการก่อสร้างไปถึงระยองจะมีการดำเนินการในช่วงต่อไปก็จะมีการศึกษารายงานอีไอเอเพิ่มเติม”