ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า3%หลังอิหร่านสอยโดรนกองทัพสหรัฐ

ราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า3%หลังอิหร่านสอยโดรนกองทัพสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสท์เท็กซัส พุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันนี้ หลังมีข่าวว่าอิหร่านยิงโดรนสอดแนมของกองทัพสหรัฐ ซึ่งทำให้เพิ่มความวิตกว่าทั้งสองประเทศอาจเกิดการปะทะกันทางการทหาร

เมื่อเวลา 17.57 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 3.46% สู่ระดับ 55.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

กองทัพสหรัฐ เปิดเผยว่า โดรนของทางกองทัพได้ถูกขีปนาวุธของอิหร่านโจมตี ขณะบินอยู่เหนือน่านฟ้าสากลบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ โดยก่อนหน้านี้ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ระบุว่า เป็นผู้ยิงโดรนสอดแนมของสหรัฐร่วงทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความตึงเครียดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง หลังจากเกิดเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วใกล้ช่องแคบฮอร์มุซ

เมื่อวันจันทร์ (17มิ.ย.)ที่ผ่านมา สหรัฐได้ส่งกำลังทหารอีก 1,000 นายไปยังตะวันออกกลาง หลังจากที่ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 ไปยังภูมิภาคดังกล่าว

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย, การที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งการคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร สามารถตกลงกันเกี่ยวกับกำหนดวันประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยกลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมในวันที่ 1 ก.ค. ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย จะเข้าร่วมการประชุมในวันที่ 2 ก.ค.เพื่อหารือการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยคาดว่าที่ประชุมจะสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้

เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน