'พปชร.' ขอจำหน่ายคดี 27 ส.ส.ปมหุ้นสื่อ อ้าง 'อนาคตใหม่' ทำผิดรูปแบบ

'พปชร.' ขอจำหน่ายคดี 27 ส.ส.ปมหุ้นสื่อ อ้าง 'อนาคตใหม่' ทำผิดรูปแบบ

“พปชร.” หยิบประเด็นข้อกฎหมาย ยื่นศาล รธน.สั่งจำหน่ายคดี 27 ส.ส. ถือหุ้นสื่อ อ้าง "อนาคตใหม่" ทำผิดรูปแบบ ยื่นเป็นหนังสือทั้งที่ต้องทำเป็นคำร้อง พร้อมขอไต่สวน 2 ครั้ง ก่อนรับพิจารณา-ก่อนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ให้โอกาสผู้ถูกร้องนำหลักฐานเข้าต่อสู้

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.62 นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาจำหน่ายคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ขอให้วินิจฉัยว่า ส.ส.ทั้ง 27 คนของพรรคพปชร.ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือหุ้นสื่อ และขอให้ศาลไต่สวนว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลที่จะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ และหากศาลสั่งรับไว้วินิจฉัยให้ไต่สวนว่าควรที่ศาลจะสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยให้โอกาส ส.ส.ผู้ถูกร้องได้นำพยานหลักฐานเข้าแสดงต่อศาล

นายทศพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนพบว่า 66 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาฯและประธานสภาฯ นำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญมีการทำเป็นหนังสือ จึงไม่ถูกต้องตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 7 (5) และมาตรา 41 ว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นส.ส.สิ้นสุดลง ต้องกระทำเป็นคำร้อง จึงเห็นว่าเมื่อการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็สมควรที่ศาลจะจำหน่ายคดี

นายทศพล กล่าวอีกว่า หากศาลเห็นว่า เรื่องดังกล่าวสามารถรับไว้พิจารณาได้ก็ขอให้ศาลมีการไต่สวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ เพราะเรื่องนี้เป็นการยื่นมาโดยไม่ผ่านกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานมีเพียงเอกสารแผ่นเดียว ทั้งที่วัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนบริษัทของ 27 ส.ส.พรรคพปชร.ไม่เหมือนกัน โดยที่ทั้ง 27 คน ยังไม่เคยมีโอกาสชี้แจง อยู่ๆก็มีคนเอาเอกสารมาแล้วบอกว่าคุณผิด ซึ่งต่างจากกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. ที่ถูกร้องโดยผ่านการชี้แจง โต้แย้ง หอบเอกสารมาเป็นลัง ทั้งนี้กรณีดังกล่าวประชาชนไม่เข้าใจ คิดว่าเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่เหมือนกัน เพราะกรณีของ 27 ส.ส.ไม่ได้ผ่านกระบวนสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยานหลักฐาน และไม่เคยได้ชี้แจงเลย เราจึงต้องการเพียงโอกาสในการชี้แจง และถ้าหากศาลไต่สวนแล้วสั่งรับเรื่องไว้พิจารณา ก็ขอให้ไต่สวนอีกเพื่อให้พิจารณาว่า ควรจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

“พรรคยื่นขอเช่นนี้เพราะ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 เพิ่งออกมาใหม่พร้อมกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้. ที่ผ่านมาใช้ข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้กำหนด แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของกฎหมายที่กำหนดวิธีพิจารณาคดีไว้ชัด ว่าอะไรที่ยื่นเป็นคำร้อง และอะไรยื่นเป็นหนังสือ ดังนั้นเมื่อกระบวนการผิดก็ต้องทำให้มันถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรไม่ได้เลย และการขอไต่สวนก็เป็นการที่เราขอโอกาสพิจารณาคดีเหมือนของนายธนาธร ” นายทศพล กล่าว

นายทศพล กล่าวด้วยว่า เชื่อว่า คำร้องที่ทางพรรคพปชร.ยื่นจะมีผลเฉพาะตัวกับ 27 ส.ส.เท่านั้น ไม่ได้มีผลไปเอื้อให้กับ ส.ส.รายอื่นที่ถูกร้องราย แต่ไม่ได้ยื่นคำขอไต่สวนหรือคุ้มครอง เว้นแต่ในประเด็นข้อกฎหมายถ้าศาลบอกว่าผิด ก็จะผิดไปทั้งหมด