'อนุทิน' เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลมุ่งทำงาน ชี้ปชช.ไม่ได้เลือกเข้ามากัดกัน

'อนุทิน' เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลมุ่งทำงาน ชี้ปชช.ไม่ได้เลือกเข้ามากัดกัน

สนับสนุน "พล.อ.ประยุทธ์" นั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อการประสานงานระหว่างพรรคร่วมที่รวดเร็ว เชื่อการทำงานในรัฐบาลราบรื่น หวังพรรคร่วมรัฐบาลมุ่งทำงาน ชี้ปชช.ไม่ได้เลือกเข้ามากัดกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เผยว่าทางพรรคได้เสนอรายชื่อบุคคลผู้มีความเหมาะสมเป็นรัฐมนตรีให้กับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ยังไม่มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี และขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดชื่อได้เพราะจะเป็นการเสียมารยาท โดยผู้ที่จะพูดเรื่องนี้คือนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ซึ่งบุคคลที่ถูกเสนอชื่อและได้เป็นรัฐมนตรีของพรรคจะต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. ยกเว้นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เพื่อไม่ให้สูญเสียคะแนนเสียง ส่วนเรื่องของคุณสมบัติได้มีการหารือกันก่อนเสนอชื่ออย่างเป็นทางการและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ นายอนุทิน เชื่อว่าการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่มีจำนวนพรรคมากจะเป็นโดยราบรื่น เพราะทุกคนทราบถึงความสำคัญของการทำงาน ซึ่งการเข้ามาทะเลาะหรือขัดขากันก็จะเกิดเป็นภาพที่ไม่ดี เพราะประชาชนเลือกให้เข้ามาทำงาน ไม่ได้เลือกเข้ามากัดกัน

ส่วนการผลักดันนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพรรคร่วมรัฐบาล โดยเบื้องต้นทราบว่าจะมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในคณะกรรมการด้วย โดยพรรคภูมิใจไทยจะส่งตัวแทนเข้าไป 2 ถึง 3 คน ซึ่งเลขาธิการพรรคเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ พร้อมย้ำถึงการผลักดันนโยบายว่าไม่มีปัญหา โดยนโยบายได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากนโยบายกัญชาแล้วยังมีนโยบายอื่นๆที่สำคัญ โดยเฉพาะการเน้นให้ใช้ของไทยที่ผลิตในไทย ซึ่งนโยบายทุกอย่างของรัฐบาลจะถูกพิจารณาในคณะกรรมการ และนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงนโยบาย

นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกด้วยว่า เป็นเรื่องดีหากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยตนเอง เพราะหากได้ผู้ใหญ่มาทำงาน ก็จะสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการประสานงานนโยบายต่างๆกับน้องร่วมรัฐบาลได้รวดเร็ว

ส่วนกรณีตั้งคณะกรรมการสอบนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส. ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่งดออกเสียงลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายอนุทินระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบของพรรค แต่เบื้องต้นมีการพูดคุยกันแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ และเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส แต่ละคน ส่วนมติพรรคก็ให้เป็นไปตามระเบียบ