สงครามการค้าป่วนตลาดแรงงานจีน-สหรัฐ

สงครามการค้าป่วนตลาดแรงงานจีน-สหรัฐ

สงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อยาวนานเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในจีน และทำให้รัฐบาลปักกิ่ง เริ่มวิตกกังวลว่า นักศึกษาจบใหม่ในปีนี้จำนวนหลายล้านคนจะไม่มีงานทำ ซึ่งหากเป็นอย่างที่รัฐบาลจีนวิตกกังวล ย่อมส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ติดตามได้จากรายงาน

โฆษกคณะกรรมการด้านการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติของจีน (เอ็นดีอาร์ซี) ระบุว่า การที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้า ตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีมาอย่างยืดเยื้อยาวนานสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแก่ตลาดแรงงานในจีน และขณะนี้ มีบริษัทบางแห่งระงับการจ้างพนักงานที่เป็นนักศึกษาจบใหม่

“ผลพวงจากกรณีพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้การรับสมัครพนักงานที่เป็นนักศึกษาจบใหม่ทางอินเทอร์เน็ต อุตสาหกรรมการเงินและอุตสาหกรรมอื่นๆมีน้อยลง” โฆษกเอ็นดีอาร์ซี ระบุ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่ตลาดแรงงานจีนฝ่ายเดียวที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ในซีกของสหรัฐก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ล่าสุด วานนี้ (18มิ.ย.)บริษัทและองค์กรจำนวนมากของสหรัฐ ออกมาคัดค้านข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่าอีก 3 แสนล้านดอลลาร์เป็น 25%

 ในวันแรกของการทำประชาพิจารณ์ของสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) เกี่ยวกับแผนปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้น นายเบรนท์ คลีฟแลนด์ ผู้อำนวยการบริหารของสมาคมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับแฟชั่น กล่าวว่า การนำเข้าสินค้าแฟชั่นจะไม่คุกคามต่อความมั่นคงของชาติ แต่การเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและครอบครัวของผู้ใช้แรงงาน

ส่วนนายเรย์ ซาร์ราห์ ประธานของบริษัทสตรีมไลท์ อิงค์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่างประสิทธิภาพสูง ระบุว่า บริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือของจีน

ยูเอสทีอาร์ เปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์กรณีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน3แสนล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (17มิ.ย.)ไปจนถึงวันศุกร์ (21มิ.ย.) โดยมีบริษัทมากกว่า 300 แห่งเข้าร่วม และจะมีการทำประชาพิจารณ์ที่คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐในวันที่ 24-25 มิ.ย.นี้ด้วย หลังจากที่มีการพิจารณามุมมองในการทำประชาพิจารณ์แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะตัดสินใจว่าจะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนหรือไม่

 บริษัทเทรด พาร์ทเนอร์ชิป เวิลด์ไวด์ แอลแอลซี ประเมินว่า หากสหรัฐกำหนดภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าค้าจีนมูลค่าอีก 3 แสนล้านดอลลาร์จริง จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานในสหรัฐมากกว่า 2 ล้านตำแหน่งและเมื่อรวมกับผลกระทบที่เกิดจากการเก็บภาษีที่เกิดขึ้นและการตอบโต้ระหว่าง 2 ประเทศแล้ว การเก็บภาษีเหล่านี้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายมากกว่า 2,000 ดอลลาร์สำหรับครอบครัวชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยที่มีสมาชิก 4 คน และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ ลดลง 1.0%

ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานในสหรัฐได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ สอดคล้องกับสมุดปกขาวของรัฐบาลปักกิ่ง ที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อไม่นานมานี้ ที่บ่งชี้ว่า ตลาดการค้าของจีนช่วยให้เกิดการจ้างงานในหมู่ชาวอเมริกันหลายล้านตำแหน่ง และสร้างผลกำไรตอบแทนให้กับบริษัทอเมริกันจำนวนมหาศาลในช่วง 2 ทศวรรษของการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

รายงานสมุดปกขาวของจีนฉบับนี้ ที่มีชื่อว่า The Facts and China’s Position on China-US Trade Friction ถูกนำขึ้นมาเพื่ออธิบายเกี่ยวกับความสูญเสียจากความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดจากการกดดันของสหรัฐ และการกระทำผิดคำพูดต่อการเจรจาในข้อตกลงของสหรัฐ ทั้งยังแสดงจุดยืนของจีน ที่ต้องการเจรจาการค้าโดยยึดหลักการบนพื้นฐานความเสมอภาคและผลประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกัน

 หวัง โส่วเหวิน รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ของจีน กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาคณะทำงานของสหรัฐได้ใช้การขาดดุลทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาเป็นข้ออ้างที่จะกดดันให้ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันรุนแรงขึ้น

ช่วงปลายเดือนมีนาคม บริษัทโซนี โมบาย ปิดโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนในกรุงปักกิ่ง ส่งผลให้พนักงานตกงานหลายร้อยคน และก่อนหน้านั้น บริษัทออราเคิล บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐ ประกาศเลย์ออฟพนักงานที่เป็นระดับนักวิจัยประจำบริษัทในจีน ประมาณ 900 คน พร้อมทั้งปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี)จำนวน 5 แห่งในจีน

ขณะที่บริษัทซิสโก ซิสเต็มส์บริษัทสัญชาติอเมริกัน ซึ่งผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เครือข่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง โดยจัดจำหน่ายทั้งผู้ใช้ทั่วไป และบริษัทขนาดใหญ่ ประกาศลดพนักงานฝ่ายผลิตในจีนโดยไม่ระบุจำนวน ซึ่งสถานการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับตลาดแรงงานในจีนที่กล่าวมานี้ ทำให้นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ประกาศย้ำให้หน่วยงานต่างๆทั้งที่เป็นของรัฐบาลและเอกชนรองรับนักศึกษาจีนจำนวน 8.34 ล้านคนที่จะสำเร็จการศึกษาในปีนี้ และดูแลแรงงานอพยพจำนวนหลายร้อยล้านคนในประเทศให้ดีด้วย

สำหรับจีน มาตรการตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนเริ่มกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากเดิมที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในการประชุมประจำปีของสภาประชาชนจีน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เตือนว่าประเทศต้องเตรียมรับมือกับการต่อสู้ที่ยากลำบาก พร้อมทั้งประกาศว่า ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญกับการจ้างงานเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งในปีนี้ พื้นที่ในเขตเมืองต้องมีการสร้างงานอย่างน้อย 11 ล้านตำแหน่ง