'อ.เดชา' ยังสั่งจ่ายน้ำมันกัญชาไม่ได้แม้เป็นหมอพื้นบ้าน

'อ.เดชา' ยังสั่งจ่ายน้ำมันกัญชาไม่ได้แม้เป็นหมอพื้นบ้าน

กรมแพทย์แผนไทยฯ ย้ำ “อ.เดชา ศิริภัทร” ยังสั่งจ่ายกัญชาเองไม่ได้ รอกำหนดประเภทหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ก่อน

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.62 นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการปลูกและผลิตกัญชาพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีกำหนดการเบื้องต้นวันที่ 18 มิ.ย. ว่า พื้นที่ภาคอีสานจะปลูกกัญชาโดยมทร. อีสาน วิทยาเขตสกลนคร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร และผลิตเป็นยาโดย รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเดิมกำหนดว่าจะปลูกและผลิตวันที่ 18 มิ.ย.นี้ แต่เนื่องจากยังต้องส่งเอกสารการขออนุญาตปลูกและผลิตเพิ่มเติม เพื่อให้เดินหน้าในการดำเนินการพร้อมกันได้ จึงยังต้องเลื่อนการปลูกและผลิตออกไปก่อน คาดว่าจะเริ่มปลูกและผลิตได้ในช่วงปลาย มิ.ย. - ต้น ก.ค.นี้

ส่วนกรณีที่นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ห่วงเรื่องการใช้ตำรับยาหมอพื้นบ้านที่มีกัญชาปรุงผสม อาจติดขัดเรื่องของวัตถุดิบ นพ.มรุต กล่าวว่า น้ำมันกัญชาของนายเดชา จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ส่วนของงานวิจัยร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุฬาฯ เป็นผู้ที่จะขอกัญชามาผลิตเพื่อดำเนินการวิจัย และ 2.ส่วนของการใช้เป็นตำรับยาหมอพื้นบ้าน ซึ่งต้องรอ 2 ส่วน คือ ส่วนของตำรับยาหมอพื้นบ้านที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอีก 2 ชุด จึงจะใช้ได้ และส่วนคุณสมบัติหมอพื้นบ้าน ซึ่งขณะนี้นายเดชายังไม่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ที่จะจ่ายเองได้ แม้จะเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว เนื่องจากการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านของ อ.เดชา เป็นการใช้ระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ แต่ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า หมอพื้นบ้านที่จะใช้กัญชาต้องเป็น หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย

“ขณะนี้มีการออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ. 2562 ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 เพื่อรับรองหมอพื้นบ้านทั้งรายเก่าและรายใหม่ จึงจะต้องไปออกหลักเกณฑ์ที่จะรับรองหมอพื้นบ้านเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อมีหลักเกณฑ์แล้วก็จะมีการประชุมพิจารณาคุณสมบัติและข้อห้ามต่างๆ เพื่อประกาศประเภทของหมอพื้นบ้าน และนายเดชาเป็นหมอพื้นบ้านประเภทไหน เมื่อมีคุณสมบัติครบจึงจะสามารถใช้ตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมได้ ส่วนหมอพื้นบ้านรายอื่น เมื่อรับรองเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่แล้ว ก็จะต้องไปดำเนินการอบรมการใช้กัญชา เพื่อขึ้นทะเบียน จึงจะสามารถใช้ได้เช่นกัน ส่วนเรื่องของวัตถุดิบก็คงต้องมาหารือกันอีกที ว่าจะเป็นอย่างไร” นพ.มรุตกล่าว