ผันผวนไปไม่ไกล

ผันผวนไปไม่ไกล

SET Index เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลง โดยมีปัจจัยกดดันจากกองทุน GIC ของสิงคโปร์มีการขาย Big Lot ในหุ้น LH มูลค่าการซื้อขายกว่า 9.1 พันลบ.

โดยกลุ่ม Big Cap. ที่กดดันตลาด ได้แก่ ADVANC, KBANKและ LH ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,667.23 จุด (-5.10 จุด) Volume 4.9 หมื่นลบ. จาก Foreign -3,112.48 ลบ. TFEX Net -4,917 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +2,160 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+บทวิเคราะห์มอร์แกนสแตนลีย์คาด FED ลดดบ.ใกล้ 0% หากเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย คาด FED คงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.

+FedWatch บ่งชี้ว่านลท.คาดว่ามีโอกาส 79% ที่เฟดจะลดอัตราดบ.เร็วสุดในเดือนก.ค. 90% คาดว่าเฟดจะลดอัตราดบ.ในเดือนก.ย. และ 97% คาดว่าเฟดจะลดอัตราดบ.อีกครั้งในเดือนธ.ค.

+เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาวะธุรกิจในเดือนมิ.ย.ดิ่งต่ำสุดรอบกว่า 2 ปีครึ่ง ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ -8.6 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว สนับสนุนคาดการณ์ FED ลดดบ.

+Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1.07 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 31.35 บาท/US

-ราคาน้ำมันดิบ WTI -58 เซนต์ -1.1% ปิด $51.93 ต่อบาร์เรล กังวลอุปสงค์พลังงานชะลอตัวจากศก.โลกชะลอตัวและผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

-ดาวโจนส์ +22.92 จุด +0.09% ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นลท.จับตาการประชุม FED คาดจะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี

-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนมิ.ย.ลดลงจากเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย. 61 เนื่องจากค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นและขาดแคลนแรงงานทักษะ

-ก.การท่องเที่ยวฯรายงานในช่วง 4M62 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยขยายตัวแค่ 1.8% จากปกติโตราว 8-10%

*จับตา 18-19 ประชุม FED 19 มิ.ย. ประชุมกนง. 20 มิ.ย. ประชุม BOJ, BoE

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนบวก-ลบไม่มาก รอความชัดเจนของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,661-1,674 จุด

หุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE ที่น่าสนใจ : OSP, NER, PR9 มีผล 21 มิ.ย.TFFIF, EGATIF, COM7 จะเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มีผลวันที่ 24 มิ.ย.

หุ้น Defensive : กลุ่มค้าปลีก (CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, ERW, SPA) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH)

หุ้นน่าลงทุน Theme EEC play : AMATA, WHA, WHAUP, WHART, EASTW, ATP30, ORI

หุ้นติดโผ SET50 : SAWAD, OSP, VGI   หุ้นติดโผ SET100 : OSP, VGI, JAS, JMT, ITD, THG, BA, S (ที่มา ข่าวหุ้น)

หุ้นรายงานพิเศษ

LH (ราคาปิด 10.90 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 12.13)

วานนี้มีรายการ big lot ขายหุ้นรวม 837 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 10.83 บาทคิดเป็นมูลค่า 9,065.5 ล้านบาท คาดจะเป็นการขายโดยกองทุน GIC Private Limited ประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 3 สัดส่วนถือหุ้น 7%  หลังเข้าถือหุ้น LH ตั้งแต่ปี 2542 ต้นทุน 1.4 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น-ทันหุ้น)

ความเห็น ราคาปิดล่าสุด +10.1%YTD ซื้อขายที่ PE 13.2 เท่า (ต่ำกว่าในอดีตที่เคยสูงถึง 18 เท่า) และต่ำกว่า PE กลุ่มที่ระดับ 14.6 เท่า งวด 1Q62 มีกำไรสุทธิ 1,826 ลบ. -20%QoQ -26%YoY (งวด 4Q61 และ 1Q61 มีรายการพิเศษที่เป็นบวก) ปลายมี.ค. 62 มี backlog ที่รอรับรู้เป็นรายได้จำนวน 9,547 ล้านบาท ราว 56% มีกำหนดโอนภายในปลายปีนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 9,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากกำไรปกติ 9,389 ล้านบาทในปี 61 ที่ไม่รวมรายการพิเศษ การถือหุ้นระยะยาวได้รับเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง yield สูงน่าสนใจ IAA Consensus คาด yield เฉลี่ยสำหรับปี 62 ราว 6.5% ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากการมีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำที่ช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการขาย และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในการจัดตั้งกอง REIT ปัจจุบันถือหุ้นใน QH, HMPRO, Q-CON และ LHFG ซึ่ง listed ในตลท.คิดเป็น NAV หุ้นละ 7.2 บาท ส่วน  LHPF2 เป็น non-listed

หุ้นมีข่าว   

·         THG (ราคาปิด 28.00 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 31.25) ผลงานครึ่งปีหลังโตแรง เปิดโรงพยาบาลใหม่ทุ่งสง-บูรณา หนุน บวกโครงการ Jin Wellbeing กระแสดี ยอดจองพุ่งกว่า 200 ยูนิต ปัจจุบันโอนกรรมสิทธิ์กว่า 65 ยูนิต ตั้งเป้ายอดโอนปีนี้ไม่น้อยกว่า 200 ยูนิต ดันรายได้รวมเข้าเป้าโต 20% (ที่มา : ทันหุ้น)

·         COL (ราคาปิด 23.10 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 30.33) ส่งซิก Q2/2562 ฟอร์มสวยกว่า Q1/2562 โดยเฉพาะ B2S ปรับตัวดีขึ้น คาดยอดขายโต 10% ส่วนยอดขายรวม ผบห.มองปีนี้โตเพียง 6-7% จากปีก่อน เหตุย้ายคลังใหม่ลูกค้าวูบ แถมควักงบ 400-500 ล้านบาท ปรับปรุง-ผุดสาขาใหม่ทั่วไทย จ่อเปิดบริการใหม่ "Market Pace" รับทรัพย์ช่วง Q4/2562 (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + PTTEP (ราคาปิด 127.00 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 148.30) ประกาศเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในบริษัท พาร์เท็กซ์ โฮลดิ้ง บี.วี. มูลค่า 622 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ได้เข้าไปลงทุนในโครงการผลิตน้ำมันดิบบนบกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโอมาน เพื่อเป็นการขยายฐานการเติบโตในตะวันออกกลางตามแผนกลยุทธ์เชิงรุก คาดดีลการซื้อจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ (ที่มา : ทันหุ้น)

·         ประเด็นลบ PTTEP : กลุ่มเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลของอินโดนีเซียได้รวมตัวกันฟ้อง PTTEP โดยเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่เกิดจากน้ำมันรั่วไหลสู่ทะเลติมอร์เป็นเวลา 74 วันหลังเหตุระเบิดที่แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริเวณแหล่งมอนทาราของ PTTEP นอกชายฝั่งออสเตรเลียในเดือนส.ค.2552 (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

·         EA (ราคาปิด 53.00 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 65.21) แย้มผลงานไตรมาส 2/2562 เติบโตต่อเนื่อง ทั้งปีมั่นใจผลงานทำนิวไฮ รับรู้ไฟฟ้า 664 เมกะวัตต์ เดินหน้าสร้างโรงงานแบตเตอร์รีเฟส 1 คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้-ต้นปี 2563 จ่อคลอดหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท ด้านทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิต "A" หนุนต้นทุนการเงินลดลง (ที่มา : ทันหุ้น)

·         SABINA (ราคาปิด 25.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 37.25)รับอานิสงส์สงครามการค้าดึงต้นทุนจ้างผลิตต่ำ ดันกำไรขั้นต้นปีนี้ขยับ 1-3% วางเป้า 2 ปีเพิ่มสัดส่วนจ้างผลิตจาก 30% ผลิตเอง 70% เป็น 50:50 เพิ่มงบการตลาดกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และเพิ่มยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (ที่มา : ทันหุ้น)

·         AEONTS (ราคาปิด 226.00 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 218.70)เตรียมประกาศงบไตรมาส 1 กรกฎาคมนี้ ชี้สินเชื่อปีนี้โตแรง หลังเศรษฐกิจซบทำเงินขาดมือมั่นใจคุม NPL ได้ เหตุรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ เป้าสินเชื่อใหม่โต 5% ยอดคงค้างโต 8% เร่งกระตุ้นยอด ขณะที่รายได้ต่างประเทศโต 40-70% (ที่มา : ทันหุ้น)

·         RS (ราคาปิด 17.40 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 20.67)ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำ ทุ่มงบกว่า 100 ล้าน จัดแคมเปญ "Mid Year Super Sale" ระหว่างวันที่ 17-28 มิ.ย.นี้ คาดโกยยอดขายกว่า 300 ล้านบาท พร้อมลุ้นยอดขายธุรกิจ MPC ไตรมาส 2 พุ่ง ทำสถิตินิวไฮมั่นใจเพิ่มฐานลูกค้าทะลุ 1.5 ล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)

·         TFG (ราคาปิด 3.90 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 3.95)ทุ่มงบ 280.56 ลบ. ซื้อกิจการ"เอฟบีซี"ผู้ผลิตซอส-เครื่องปรุงรส หนุนเพิ่มศักยภาพแข่งขัน-ขยายฐานลูกค้า (ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์)