ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 17-21 มิ.ย. 62 และสรุปสถานการณ์ฯ 10-14 มิ.ย. 62

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 17-21 มิ.ย. 62 และสรุปสถานการณ์ฯ 10-14 มิ.ย. 62

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน จากเหตุความไม่สงบในตะวันออกกลาง แต่คาดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยืดเยื้อยังกดดันราคา

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 50 – 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 59 - 64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (17 - 21 มิ.ย. 62)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน จากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง หลังเรือ 2 ลำ ถูกโจมตีใกล้กับอ่าวโอมาน ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ในช่วงเดือน พ.ค. 62 และสร้างความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยืดเยื้อ ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุน เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับความไม่สงบในตะวันออกกลาง หลังเกิดเหตุการณ์เรือ 2 ลำ ถูกโจมตีใกล้กับอ่าวโอมาน ในวันที่ 13 มิ.ย. 62 ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพ.ค. 62 เรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ ถูกโจมตีนอกชายฝั่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรดส์ โดยสหรัฐฯ ได้กล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การโจมตีในครั้งนั้น แต่ทางการอิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหา สร้างความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ และพันธมิตรประเทศในอ่าวโอมาน
  • ตลาดคาดการณ์ว่าประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรจะประกาศขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปอีกในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 โดยจะมีการหารือกันในการประชุมกลุ่มโอเปคที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 - 26 มิ.ย. นี้ เพื่อที่จะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวมาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า รัสเซียเป็นประเทศเดียวที่ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต ทั้งนี้ บริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียได้แสดงความคิดเห็นว่ารัสเซียควรผลิตน้ำมันตามที่ต้องการ และจะทำการเรียกร้องการชดเชยจากรัฐบาล หากรัสเซียร่วมมือกับโอเปคในการขยายการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้
  • อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงทวีความรุนแรง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขู่ว่าหากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G 20 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ ที่ประเทศญี่ปุ่น ทางสหรัฐฯ เตรียมความพร้อมที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2562 ลง 160,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง หลัง EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มิ.ย. 62 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 485.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 60 ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ นอกจากนี้ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปี 2562 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ การประกาศดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ การประกาศดอกเบี้ยจากธนาคารกลางญี่ปุ่น ดัชนีภาคการบริการสหรัฐฯ

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (10 - 14 มิ.ย. 62)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.48 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 52.51 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.28 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 62.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 59.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังถูกกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันโลกที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดย EIA ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2562 ลง 160,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 1.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าผู้ผลิตกลุ่มโอเปคใกล้บรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตออกไป