จ่อปิดจ๊อบประมูลเตาเผาขยะ 1.3 หมื่นล้าน กทม.ชงเจ้าเก่าเข้าวิน

จ่อปิดจ๊อบประมูลเตาเผาขยะ 1.3 หมื่นล้าน กทม.ชงเจ้าเก่าเข้าวิน

กทม.แจง "เตาเผาขยะ 1.3 หมื่นล้าน" โปร่งใส หลัง 3 กรรมการไขก๊อก ถูกร้อง ป.ป.ช. หลังตั้งกรรมการใหม่ไม่นาน

ชงเรื่อง "กรมบัญชีกลาง" เตรียมเร่งปิดจ๊อบ ทั้งที่มีเรื่องร้องที่ ป.ป.ช.-สตง. คาด “"เอกชนรายเดิม" ได้อานิสงค์คะแนนเทคนิค 90% ฉลุย ปูดถูกร้องตั้งแต่ปี 56

จากกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 13,140 ล้านบาท ในกรณีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาเพียง 5 คน รับผิดชอบทั้ง 2 โครงการ รวมไปถึงมีการร้องไปเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับการร้องเรียนและเข้าตรวจสอบโครงการดังกล่าว ส่งผลให้กรรมการฯที่เป็นข้าราชการ 3 ใน 5 ราย ขอลาออก โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจอื่น และไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอในการพิจารณาผลการประกวดราคา ก่อนมีการแต่งตั้งบุคคลใหม่เข้าไปแทนนั้น

นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ชี้แจงว่า การพิจารณาแต่งตั้งกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ของทั้ง 2 โครงการเป็นการดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ ป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยไม่กระทบต่อความเป็นกลางในการพิจารณาคุณสมบัติ และข้อเสนอของงานโครงการดังกล่าว โดยขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการรายงานผลการพิจารณาและขออนุมัติให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ

แหล่งข่าวจาก กทม.เปิดเผยว่า เหตุที่ข้าราชการทั้ง 3 คนขอลาออกจากการเป็นกรรมการฯ แม้อ้างในใบลาออกว่า ไม่มีความรู้ความสามารถโดยตรงเกี่ยวกับโครงการ แต่น่าจะเลี่ยงการถูกตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ที่อาจต้องถูกสอบสวนทั้งทางวินัยและอาญา เพราะมีข้อวิจารณ์ว่าโครงการส่อไปในทางไม่ถูกต้องมากกว่า และที่ผ่านมาผู้บริหาร กทม.ก็กดดันเร่งรัดผลการพิจารณา เพื่อขออนุมัติโครงการอย่างหนัก ภายหลังการลาออกของกรรมการฯ 3 ราย ทางสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ก็ได้แต่งตั้งกรรมการใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน ได้แก่ 1.นายวุฒิเลิศ มณีโรจน์ ผู้อำนวยการกองโรงงานกำจัดมูลฝอย ที่เป็นผู้ลงประกาศเชิญชวนประกวดราคาจ้างเหมา และเป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาเกณฑ์ทีโออาร์

รวมทั้งยังเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา 2.นายอพอลโล่ แสงเนียม วิศวกรโยธาชำนาญการ ศูนย์กำจัดมูลฝอยสายไหม กองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม และ 3.นายพงศ์ปรีชา สีหะรัตน์ นายช่างโยธาอาวุโส ศูนย์กำจัดมูลฝอยสายไหม กองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม ส่วนกรรมการอีก 2 รายที่ไม่ได้ลาออก คือ รศ.ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ และ ผศ.ดร.กรองแก้ว เลาหลิดานนท์ ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ทั้งคู่ และมีส่วนร่วมมาตั้งแต่กระบวนการศึกษาโครงการ ที่ กทม.จ้าง มจพ.เป็นที่ปรึกษา ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์ในทีโออาร์ที่มีข้อครหาดังกล่าว

“หลังตั้งกรรมการใหม่ไม่นาน ก็ทราบว่า กทม.ได้ทำเรื่องเสนอผลคะแนนด้านเทคนิคการประกวดราคาโครงการดังกล่าว ซึ่งมีน้ำหนักคะแนน 90% ไปยังกรมบัญชีกลาง ขณะนี้รอกรมบัญชีกลางรวมคะแนนด้านราคา อีก 10% ก่อนจะประกาศรับรองผลส่งกลับมาให้ กทม.ลงนามประกาศผู้ชนะประมูลอย่างเป็นทางการทั้ง 2 โครงการ ซึ่งคะแนนด้านราคาอีก 10 เปอร์เซ็นต์นั้นแทบไม่มีผลใดๆต่อผลการพิจารณา เนื่องจาก ทีโออาร์ให้น้ำหนักไปที่คะแนนเทคนิคถึง 90 เปอร์เซนต์ อีกทั้งเป็นการใช้ดุลพินิจกรรมการเป็นหลัก

โดยกองกำจัดมูลฝอย สำนักสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมทำเรื่องอนุมัติลงนามในสัญญาจ้างทั้ง 2 โครงการรอไว้แล้ว ซึ่งผู้ว่าฯ (พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.) ได้มอบให้ รองฯจัก (นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม.) เป็นผู้ลงนามประกาศผู้ชนะประมูล” แหล่งข่าว ระบุ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับผลคะแนนด้านเทคนิคปรากฏว่า โครงการที่หนองแขมนั้น บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (บจ.ซีแอนด์จีฯ) ที่ได้คะแนนสูงที่สุด ส่วนโครงการที่อ่อนนุช เป็น บริษัท นิวสกายเอ็นเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด (บจ.นิวสกายฯ) ที่ได้คะแนนสูงสุดที่สุด โดย บมจ.ซีแอนด์จีฯเป็นผู้รับสัมปทานโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าโดยระบบเตาเผา ขนาด 300 ตัน/วัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม มูลค่า 2,124 ล้านบาท เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงปี 2559 จึงถูกมองว่าเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากทีโออาร์ที่กำหนดน้ำหนักคะแนนทางเทคนิค 90% ส่วน บจ.นิวสกายฯนั้นเป็นผู้ดำเนินโครงการสถานีขนถ่ายมูลฝอยย่อย รัชวิภา ของ กทม. ซึ่งก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2558 แต่ยังไม่สามารถเดินระบบได้ เนื่องจากติดปัญหาในส่วนของการกำหนดรูปแบบการกำจัดขยะ และค่าธรรมเนียม

“ทั้ง บจ.ซีแอนด์จีฯ และ บจ.นิวสกายฯ มีชื่อ นายเหอ หนิง เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และยังมีที่ตั้งอยู่ที่ อาคารปัญจธานี ถ.นนทรี แขวงช่องนนทรี เช่นเดียวกัน โดย บจ.ซีแอนด์จีฯตั้งอยู่ห้องเลขที่ 127/14 ส่วน บจ.นิวสกายฯ ตั้งอยู่ห้องเลขที่ 127/15 นอกจากนี้ในรายชื่อผู้ถือหุ้น บจ.ซีแอนด์จีฯ เมื่อเดือน เม.ย.61 ปรากฏว่ามีชื่อ บจ.นิวสกายฯ ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย” รายงานข่าว ระบุ

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่า โครงการโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าโดยระบบเตาเผา ขนาด 300 ตัน/วัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม ที่ บจ.ซีแอนด์จีฯดำเนินการอยู่นั้น ได้ถูก นายไชยนิรันดร์ พยอมแย้ม ประธานองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรม ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงกระทรวงมหาดไทยให้ตรวจสอบการดำเนินการที่เข้าข่ายไม่โปร่งใส ตั้งแต่เมื่อปี 2556 โดย กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือ ที่ มท 0101/6957 ลงวันที่ 28 ส.ค.56 ให้ กทม.ชี้แจง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ จึงได้มีหนังสือทวงถามมาอีก 2 ครั้ง คือ หนังสือ ที่ มท 0101/1214 ลงวันที่ 7 มี.ค.60 และหนังสือ ที่ มท 0101/202 ลงวันที่ 9 ม.ค.62 แต่จนปัจจุบันทาง กทม.ก็ยังไม่ได้ตอบหรือชี้แจงใดๆกลับไปแต่อย่างใด