แม่ทัพ พปชร.อีสาน ขู่ทบทวนบทบาท หลังถูกเมินไม่มีตำแหน่งทางการเมือง

แม่ทัพ พปชร.อีสาน ขู่ทบทวนบทบาท หลังถูกเมินไม่มีตำแหน่งทางการเมือง

“เอกราช” ประกาศทบทวนบทบาทการทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ หลังถูกมองเป็น ส.ส.ตลาดล่าง ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เห็นความสำคัญ ไม่ให้ความเป็นธรรมในการจัดสรรตำแหน่ง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. 62 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ ถ.ศรีจันทร์ เทศบาลนครขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำจาก จ.อุบลราชธานี แถลงข่าวความไม่เป็นธรรมในการพิจารณาจัดสรรตำแหน่งของพรรคพลังประชารัฐ

นายเอกราช กล่าวว่า ภาคอีสานมีอยู่ถึง 20 จังหวัด มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ในการทำงาน ช่วงการลงพื้นที่หาคะแนนเสียง สมาชิกพรรค ผู้สมัครทุกคนต่างระดมร่วมกันออกพบประประชาชน เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน สำหรับพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ประสานงาน จ.ขอนแก่นและศูนย์ประสานงาน จ.อุบลราชธานี ทำคะแนนรวมได้ 1,364,761 คะแนน ได้ ส.ส.19 คน โดยได้ ส.ส.เขต 2 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 17 คน จึงถือว่าสร้างผลงานให้กับพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างมาก

“การจัดสรรทีมบริหารประเทศพมอบอำนาจให้ผู้บริหารพรรคโดยไม่ไปก้าวก่าย เพราะไม่ต้องการสร้างความหนักใจให้กับผู้บริหาร ที่ผ่านมาทางเราไม่ได้พูดหรือขอตำแหน่งใดๆ เพราะเชื่อว่าต้องได้รับการพิจารณา เนื่องจากสู้ลุยสนามเลือกตั้งมาด้วยความยากลำบากด้วยกัน จนวันนี้การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 มี สส.อีสานที่ได้รับการพิจารณาตำแหน่งเพียง 1 ตำแหน่งที่ นครราชสีมา รายเดียวเท่านั้นในภาคอีสาน แต่กลับไม่มีชื่อ สส.ในอีสานบนที่ได้รับการพิจารณา พวกเราถือว่าทางพรรคปล่อยให้พวกเราเดินไปอย่างโดดเดี่ยว ไม่ให้ความเป็นธรรม พวกเราควรทบทวนบทบาทในการที่จะร่วมกิจกรรมกับพรรคในอนาคต ที่สำคัญต้องการให้ทางผู้ใหญ่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐได้เห็นความสำคัญของคนทำงานในพื้นที่ อย่ามองเป็นสส.ตลาดล่าง สส.บ้านนอก เมื่อต้องทำงานก็สู้ลำบากด้วยกัน แต่พอได้รับตำแหน่งก็มีเพียง สส.ใน กทม.ที่เสวยสุข โดยไม่ดูแลกัน อย่างนี้ทำให้คนทำงานท้อ” นายเอกราช กล่าว

การลงพื้นที่หาเสียง รวมทั้งได้เสนอนโยบายพรรคพลังประชารัฐ แต่หากไม่มีตำแหน่งทางการบริหารทางการเมือง ทำให้นายเอกราชเชื่อว่า การทำงานของพรรคจะชะงักลง เนื่องจากตำแหน่ง ส.ส. ประจำจังหวัดนั้น ไม่สามารถพิจารณางบประมาณมาบริหารจัดการพื้นที่ ตามที่ได้หาเสียงไว้ เพราะ ส.ส. มีข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ที่ไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายการจัดสรรงบประมาณในการจัดสรรงบประมาณ การแต่งตั้งโยกย้าย ตัวแทนที่ได้รับตำแหน่งจากอีสานเพียงคนเดียวจึงไม่เพียงพอกับการบริหารงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ได้อย่างทั่วถึง

“ที่ผ่านมาเราให้ตัวแทนพูดคุยกับทีมบริหารพรรค คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาภายใน หรือเราเองเสียงไม่ดังพอ จึงไม่มีตำแหน่งให้กับ สส.อีสานตอนบน หากทางผู้บริหารปล่อยให้เราอยู่ในลักษณะนี้ เราเองต้องมาทบทวนว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วขับเคลื่อนไปไม่ได้ เราอาจจะออกมาหาที่ยืนเอง ขับเคลื่อนการทำงานเองหรือไม่ เราร่วมลำบากมาแทบตาย หาคะแนนได้แต่ปาร์ตี้ลิสต์ไหลไปอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่กรุงเทพหมด ทุกคนได้อานิสงส์ของเราไปหมดแต่ทุกคนไม่เคยเห็นหัว ทุกวันในการทำงานร่วมกันพวกเราก็มีหัวใจ สำคัญที่สุดกว่าจะปักธงได้ที่ขอนแก่นไม่ใช่เรื่องง่ายพอปักธงได้แทนที่จะขับเคลื่อนกลับกลายเป็นนิ่งและมองผ่านแบบไม่ให้ความสำคัญคนทำงานก็รู้สึกเหนื่อย” นายเอกราช กล่าว