‘ทศ จิราธิวัฒน์’ : เซ็นทรัล นักสู้ผู้เปลี่ยนเกมตลอดกาล 

‘ทศ จิราธิวัฒน์’ : เซ็นทรัล นักสู้ผู้เปลี่ยนเกมตลอดกาล 

“ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด คลื่นลูกที่ 3 แห่งกลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำทัพขับเคลื่อนธุรกิจเซ็นทรัลกรุ๊ป แผ่ขยายอาณาจักรกว้างไกล เปิดประวัติศาสตร์ทุนค้าปลีกไทยข้ามชาติเป็นรายแรก!!

Q: Next Step ธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัล

A:กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้นำค้าปลีกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง กล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ จะเห็นว่าเราผันตัวจาก Purely physical offline มาสร้าง Online ecommerce ให้กับทุก Business units และผนึกรวมเป็น Seamless omnichannel experience อย่างเต็มรูปแบบได้สำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย ทั้งยังเปิดตัวบริการต่างๆ ที่โดนใจ สร้าง “Central Experience” เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเราได้พัฒนาสิ่งนี้มาอย่างต่อเนื่อง ตามยุทธศาสตร์นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี (NEW CENTRAL, NEW E-CONOMY) ที่มุ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม ด้วยเสียงตอบรับอันดีจากลูกค้า ประกอบกับยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเซ็นทรัลออมนิแชนแนลแพลตฟอร์ม ทำให้เรามุ่งมั่นพัฒนาต่อไปเพื่อครองใจลูกค้า ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งด้านรีเทลในประเทศไทย และต่างประเทศ

Q:แผนลงทุนและเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้า

A:กลุ่มเซ็นทรัลตั้งงบลงทุนเฉลี่ย 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี หากมีโอกาสที่น่าสนใจก็พร้อมที่จะเพิ่มงบลงทุนตามความเหมาะสม เพื่อยืนหยัดที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง และมุ่งขยายการเติบโตของธุรกิจ ด้วยเป้าหมายเติบโตเป็นสองเท่าทุกๆ 5-7 ปี ซึ่งทำได้สำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมา

Q:การขยายธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน

A:กลุ่มเซ็นทรัลขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันในเวียดนาม เราเป็นบริษัทค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุด ล่าสุด ซีพีเอ็น เปิดตัวศูนย์การค้าแห่งแรกในมาเลเซียภายใต้ชื่อ “เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้” ณ เมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์ ชูจุดเด่นในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างแบบ New Everyday Experience เพื่อให้เป็นเดสทิเนชั่นแห่งการท่องเที่ยว และ Be the ‘Central’ of Life ของชาวมาเลเซีย เซ็นทรัลเชื่อมั่นว่าธุรกิจในต่างประเทศยังสามารถขยายและเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

Q:สถานการณ์การเมืองและความผันผวนต่างๆ ในไทยและทั่วโลก มีผลต่อการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างไร

A:กลุ่มมเซ็นทรัล เชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยที่มีพื้นฐานแข็งแรง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวน แต่เรามองเห็นโอกาสดีๆ ในการทำธุรกิจ การลงทุน คาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะช่วยสานต่อนโยบายต่างๆ เพื่อทำให้เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้น และเกิดเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนไทยและต่างชาติ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น

Q:มองปัจจัยที่่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

A:การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และ Disruption จากเทคโนโลยี รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจ-การเมืองโลกที่ผันผวน พฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลต้องเตรียมแผนรับมือในความไม่แน่นอนและปรับตัวให้เท่าทัน เราจึงเฟ้นหาบุคลากร เทคโนโลยี และพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อทำให้กลุ่มเซ็นทรัล (เซ็นทรัลอีโคซิสเต็ม) มีความแข็งแกร่ง

Q:ความท้าทายทางธุรกิจแตกต่างจากอดีตอย่างไร

A:แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่เซ็นทรัลยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ โดยยกให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหวังให้ลูกค้า พร้อมเป็นศูนย์กลางของชีวิตผู้คน (Be the ‘Central’ of Life) ความท้าทายของเรา คือ การปรับโมเดลธุรกิจให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะโลกการค้ายุคใหม่ไม่ใช่แค่การช่วงชิงส่วนแบ่งการใช้จ่ายของลูกค้า (Wallet share) แต่คือการแย่งส่วนแบ่งเวลาของลูกค้า (Time share) เพราะเวลาคือปัจจัยจำกัดสำหรับผู้บริโภค ปัจจุบันยังมีผู้เล่นนอกอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดจำนวนมาก กลุ่มเซ็นทรัลจึงต้องทำธุรกิจเชิงรุก บุกเข้าไปใกล้ชิด และช่วงชิงเวลาจากลูกค้า ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล และบริการต่างๆ ที่ครบวงจรเหนือความคาดหมาย เช่น ลูกค้ามาที่ห้างของเราได้ในเวลา 30 นาที ดังนั้นเราก็ต้องหาวิธีจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าต้องการให้ถึงมือภายใน 30 นาทีให้ได้เช่นกัน จะทำให้ central อยู่ในใจลูกค้าตลอดไป

Q:มีวิธีการฝ่าฟันความท้าทายนั้นอย่างไร

A:กลุ่มเซ็นทรัลเป็นนักสู้ผู้เปลี่ยนเกมตลอดกาล!! เป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ (Trend Setter) ในธุรกิจใหม่ๆ ที่เห็นว่ามีศักยภาพ โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ และขยายอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย นำมาพัฒนาต่อยอด และใช้ Synergy ของกลุ่มให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อเสริมธุรกิจให้มั่นคง เปิดโอกาสให้พันธมิตรในและต่างประเทศเข้ามาใช้ออมนิแชนแนลแพลตฟอร์มของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อเข้าถึงลูกค้า และขยายโอกาสทางธุรกิจ

Q:การรับมือคลื่นดิจิทัลของกลุ่มเซ็นทรัล

A:คลื่นดิจิทัลทำให้โลกกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นโอกาสให้กลุ่มเซ็นทรัลขยายธุรกิจได้ไร้พรมแดน เรามีความพร้อมและได้ปรับโมเดลธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสร้าง “เซ็นทรัล เอ็กซ์พีเรียนซ์” ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนให้ลูกค้า ด้วยหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการ อาทิ Central chat and shop ที่ให้บริการเป็นรายแรก สามารถส่งของถึงมือลูกค้าได้รวดเร็ว, ร้านซูเปอร์สปอร์ต ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ได้สร้าง New offline experience ผ่านสเตชั่นต่างๆ ตลอดจนต่อเชื่อมประสบการณ์ ผ่านออมนิแชนแนลแพลตฟอร์ม การร่วมมือกับ Grab เพื่อเพิ่มประสบการณ์ O2O (online to offline integration) อำนวยความสะดวกในการเดินทางไปกลับศูนย์การค้า สั่งและส่งสินค้า อาหาร พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าของเราโดยเฉพาะ

Q:อะไรคือ Key to Success ของธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่

A:เพื่อที่จะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในโลกการค้ายุคใหม่ กลุ่มเซ็นทรัลยึดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ 2 ด้าน คือ 1.การสร้างภูมิคุ้มกันตั้งรับ (Defense) เป็นการพัฒนาธุรกิจเดิมให้ทันสมัยและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นตลอดเวลา เช่น การปรับโฉมจาก Physical platform สู่ Omnichannel platform ตั้งแต่ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์เชิงไลฟ์สไตล์ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า พร้อมนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมประสิทธิภาพธุรกิจ เช่น การเปิดตัวคลังสินค้าอัจฉริยะออฟฟิศเมทที่นำเทคโนโลยี Robotic และ AI มาใช้ในการบริหารจัดการคลังสินค้าและบริการจัดส่ง การพัฒนาและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี ด้วยการเปิดตัวหน่วยงานใหม่ Central Data and Technology ซึ่งเป็นแหล่งรวมคนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล มีภารกิจหลักดูแลและพัฒนาระบบเทคโนโลยีและ data lake ร่วมกับธุรกิจให้กลุ่ม

2.การบุกธุรกิจใหม่ (Proactive) ในโลกการค้ายุคใหม่ ที่เข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลและออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจด้าน

อีโลจิสติกส์ และอีเพย์เมนต์ เป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้กลุ่มเซ็นทรัลจึงได้รุกลงทุนใน 2 ธุรกิจใหม่ทั้งการร่วมทุนกับ JD.com เพื่อเปิดตัวบริการ JD Central E-commerce รวมถึงบริการ Central JD Fintech ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านอีเพย์เมนต์ และบริการทางการเงิน การร่วมทุนกับ Grab เพื่อต่อยอดด้านโลจิสติกส์ครบวงจร การขยายธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ในพื้นที่ใหม่ๆ เช่น การคว้าสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินอู่ตะเภา การร่วมทุนกับ Common Ground เพื่อเปิดตัว Common space การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่กลุ่มเซ็นทรัลลงทุนอย่างต่อเนื่อง และการขยายธุรกิจในภูมิภาค