'ใบเตย อาร์สยาม' โร่แจ้งความ ปอท. โวยถูกใช้ภาพโฆษณาเว็บพนันออนไลน์

'ใบเตย อาร์สยาม' โร่แจ้งความ ปอท. โวยถูกใช้ภาพโฆษณาเว็บพนันออนไลน์

ลูกทุ่งเซ็กซี่ "ใบเตย อาร์สยาม" แจ้งความ ปอท. หลังถูกคนไม่ดีแอบนำภาพไปใช้โฆษณาเว็บพนันออนไลน์ ตร.เผยผู้ก่อเหตุมีความผิดตามมาตรา 12 พ.ร.บ.การพนัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี



เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 12 มิถุนายน 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือ “ใบเตย อาร์สยาม” นักร้องลูกทุ่งสาว อายุ 31 ปี พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กรณีมีเว็บไซต์แห่งหนึ่ง นำภาพตนเองไปใส่ในโฆษณาชวนเล่นพนันออนไลน์บนเฟซบุ๊กเพจ โดยเกรงจะเกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนและแฟนคลับ

\'ใบเตย อาร์สยาม\' โร่แจ้งความ ปอท. โวยถูกใช้ภาพโฆษณาเว็บพนันออนไลน์

น.ส.สุธีวัน กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากแฟนคลับจำนวนมากว่า มีผู้ไม่หวังดีนำภาพของตนเอง ไปใช้ประกอบกับเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1.2 แสนราย ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบก็พบว่า เป็นภาพที่ตนกำลังถือเงินที่ให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อ จำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากการทำงาน และโพสต์ไว้บนอินสตาแกรมเมื่อราวปีก่อน โดยเว็บไซต์พนันดังกล่าว ได้แอบนำภาพไปใช้จนสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ทั้งตนและพ่อ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีคนทักมาสอบถามจำนวนมาก บ้างก็เข้าใจว่าตนไปเล่นพนันจริงๆ โดยขอยืนยันว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเล่นพนันออนไลน์ก็ไม่เป็นอีกด้วย

น.ส.สุธีวัน กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนยังถูกนำเอาภาพส่วนตัวไปใช้ประกอบหลายครั้งในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะรูปจากละครนางงามตู้กระจก ที่นำไปใช้กับเพจเลาจ์ ต่างๆ ตนไม่ต้องการให้เป็นคดีความ แต่การนำภาพลิขสิทธิ์ตนไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จากทางค่ายต้นสังกัดหรือตนเองนั้น จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

\'ใบเตย อาร์สยาม\' โร่แจ้งความ ปอท. โวยถูกใช้ภาพโฆษณาเว็บพนันออนไลน์


เบื้องต้น พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า กรณีนี้แบ่งเป็นสองประเด็น อันดับแรกคือ นำภาพผู้เสียหายไปอ้าง ชักชวนมห้เล่นพนัน เข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามกฎหมายอาญา

ส่วนอีกกรณี เพจดังกล่าวได้ชักชวนให้ประชาชนเล่นพนัน จึงมีความผิดตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การพนัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 พันบาทหรือทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้ประสานกระทรวงเศรษฐกิจและดิจิตัล หรือ ดีอี ปิดกั้นเว็บไซต์ลักษณะนี้แล้ว 1.5 พันแห่ง ต่อจากนี้ทางตำรวจจะตรวจสอบว่าการกระทำจะเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ต่อไป