'ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ' หมอนักเทคโอเวอร์

 'ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ' หมอนักเทคโอเวอร์

การเติบโตของธุรกิจภายใต้อุ้งมือ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ "หมอเสริฐ" ตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามี "สไตล์เร้าใจ" ชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะช่วงปี 2559 เป็นปีที่ “หมอเสริฐ” ใช้เงินไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท “ไล่ซื้อกิจการ” แบบสนุกมือ โดยเฉพาะการควักเงิน 1.08 หมื่นล้านบาท ซื้อที่ดินบริเวณปาร์คนายเลิศจาก “ตระกูลสมบัติศิริ” เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร และยังไล่ซื้อโรงพยาบาลเข้าพอร์ตเพิ่มอีกหลายแห่ง

เฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ปัจจุบันมีมูลค่าราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) รวมเฉียด 4 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีหุ้นอื่นอีกหลายบริษัทที่ “หมอเสริฐ” ถือหุ้นใหญ่ เช่น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA และ บริษัทโรงพยาบาลนนทเวช จำกัด (มหาชน) หรือ NTV ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวม “หุ้นสื่อ” ที่หมอเสริฐถือลงทุนผ่าน บริษัท บางกอกมีเดียแอนด์บรอดคาสติ้ง จำกัด หรือ “ช่องพีพีทีวี” และ “ช่องวัน” ผ่าน บริษัเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา(2556-2561) หมอเสริฐ ยัง “ครองแชมป์” เศรษฐีหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจัดอันดับโดยวารสารการเงินการธนาคาร สินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้ชื่อหมอเสริฐ ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 19.2% หรือเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.65 หมื่นล้านบาทในปี 2556 เป็น 7.88 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา รวม 6 ปี สินทรัพย์ของหมอเสริฐเพิ่มขึ้นกว่า 4.22 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 115%

หากเจาะเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล มีเครือข่ายถึง 47 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) โรงพยาบาลสมิติเวช (SVH) บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ (KDH) มีมูลค่ามาร์เก็ตแคป 531,452 ล้านบาท (สิ้นปี 2561 ) มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 60-70 % จนมีรายได้ต่อปี 70,000 ล้านบาทและกำไรเกือบ 10,000 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการ “ไล่ซื้อกิจการ” จนคนในแวดวงธุรกิจยกให้กับ “ความใจถึง” ของหมอเสริฐในการขยายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกิจการโรงพยาบาล ประสิทธิพัฒนา (รพ.เปาโล และรพ.พญาไท) ของวิชัย ทองแตง ด้วยมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท ในปี 2553

บุคคลในแวดวงการแพทย์พูดถึง “สไตล์” การทำธุรกิจของ หมอเสริฐ ว่าชอบโมเดลการเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” ด้วยวิธีซื้อกิจการทั้งถือเกิน 50 %เพื่อเข้ามีส่วนบริหาร หรือถือ 20 % นั่งเป็นกรรมการเพื่อรับเงินปันผลอย่างเดียว ซึ่งการไล่ซื้อกิจการของหมอเสริฐมีทั้งที่เข้าไปอย่าง “เป็นมิตร” และ “ไม่เป็นมิตร” เช่น กรณีถือหุ้น บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) ซึ่งได้รับการต่อต้านจากผู้ถือหุ้นใหญ่และไม่ให้ตำแหน่งกรรมการเข้าไปบริหารงานตามสัดส่วนถือหุ้น

จึงทำให้เจ้าของกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลปัจจุบัน จับมือในกลุ่มผู้ถือหุ้นเหนียวแน่น เพื่อป้องกันการเข้ามาไล่ซื้อกิจการ แต่เมื่อไม่มีของให้ช้อปหมอเสริฐ จึงหันมาขยายอาณาตัวเองซึ่งสร้างความตื่นตะลึง คือ ดีลตำนานโรงแรมปาร์ค นายเลิส บนถนนวิทยุ ด้วยมูลค่า 1.08 หมื่นล้านบาท เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวเปิดตัว BDMS Wellness Clinic เมื่อปี 2559

เป้าหมายของโครงการดังกล่าวเพื่อรองรับกับ “สังคมผู้สูงวัย” ซึ่งได้เปิดบริการบางส่วนไปแล้วในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 และเปิดจนเกือบเต็มรูปแบบในครึ่งปีแรกปี 2561 ด้วยการให้บริการประกอบไปด้วย 8 คลีนิค ซึ่งที่เปิดให้บริการก่อนคือ คลีนิคชะลอวัย คลีนิคกล้ามเนื้อและกีฬา

ส่วนที่เหลือประกอบไปด้วย คลีนิคหัวใจ ,คลีนิคเส้นประสาท ,คลีนิคทางเดินอาหาร ,คลีนิคทรวงอก ,คลีนิคสืบพันธ์ และคลีนิคทัตกรรม และยังมีที่พักฟื้นฟูร่างกาย บนพื้นที่15 ไร่ ในใจกลางเมืองซึ่งเต็มไปด้วย พื้นที่สีเขียว ซึ่งใช้เป็นจุดขายที่สำคัญให้กับกลุ่มลูกค้า

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังไม่สามารถทำกำไรให้กับ หมอปราเสริฐ และยังต้องรับรู้ขาดทุนปีละ 200 ล้านบาทต่อไปอีก 1-2 ปีจากนี้ ..แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะด้วยฐานเงินทุนและกำไรของทั้งกลุ่มสามารถรองรับขาดทุนได้แบบสบายๆ

สาเหตุสำคัญที่ต้องรับรู้ขาดทุนต่อไปอีกทั้งที่ในปีนี้ BDMS Wellness ถึงจุดคุ้มทุน เพราะจะมีการขยายจากคลินิก ไปยังโรงแรม สูง 7 ชั้น ได้ร่วมมือกับพันธมิตรเชนโรงแรมต่างประเทศ เข้ามาบริหาร

นักวิเคราะห์ บล. แลนด์ แอน์ เฮ้าส์ ระบุว่า ตามแผนงาน BDMS Wellness เตรียมปูทางดึงการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพมาสร้างความคึกคักในอนาคตผ่านการทำโรงแรมพร้อมกับศูนย์พักฟื้น เนื่องจากในเครือมีธุรกิจสายการบินต่อยอดได้อยู่แล้ว จึงทำให้มีการการทุนเพิ่มธุรกิจนี้จึงยังขาดทุนอยู่แต่ไม่มีปัญหากับกลุ่มจากฐานกำไรระดับหมื่นล้านบาท

ส่วนธุรกิจโรงพยาบาลเมื่อไม่มีบริษัทให้ช้อป รวมทั้งที่ไล่ซื้อกิจการในอดีตทำให้ในกลุ่มมีโรงพยาบาลในมือครบทุกภาคของไทยและคลอบคลุมกลุ่มฐานลูกค้า ยังมีการวางแผนลงทุนโรงพยาบาล กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่น บนพื้นที่ 20 ไร่ ในซอยศูนย์วิจัย เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งทำให้สร้างการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้หวือหวาเหมือนอดีตที่ผ่านมา