ขานรับข่าวดีสงครามการค้า

ขานรับข่าวดีสงครามการค้า

SET Index ศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลง หลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้

จากประเด็นบวกแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ความคืบหน้าการเจรจาการค้า ตลอดจนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลไทย ขณะที่กลุ่ม Big Cap. ที่หนุนตลาด ได้แก่ AOT TOA และ PTTGC ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,653.50 จุด (+0.09 จุด) Volume 3.7 หมื่นลบ. จาก Foreign -293.47 ลบ. TFEX Net +2,707 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +9,370 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ +263.28 จุด +1.02% นลท.คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐอ่อนแอเกินคาด และมีแนวโน้มความคืบหน้าการเจรจาการค้า

+ราคาน้ำมัน WTI  +1.40 ดอลลาร์ +2.7% ปิด $53.99 ต่อบาร์เรล ปิดพุ่งขึ้นจากข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงช่วยคลายกังวลสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มโอเปกใกล้บรรลุข้อตกลงขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

+"มนูชิน"รมว.คลังสหรัฐเผยความคืบหน้าสำคัญด้านการค้าสหรัฐ-จีนจะเกิดขึ้นในการซัมมิต"ทรัมป์-สี"ปลายเดือนนี้

+"ทรัมป์"เผยสหรัฐบรรลุข้อตกลงกับเม็กซิโกแล้วเพื่อเลี่ยงการเก็บภาษีนำเข้าจันทร์นี้

+ญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการ GDP Q1/62 ขึ้นสู่ระดับ 2.2%

+FTA ดันส่งออกไปจีน 4M62 +1,045% ส่วนตลาดญี่ปุ่น อาเซียนและเกาหลีใต้ ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

+Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 5.3 พันลบ. ค่าเงินบาท 31.25 บาท/US

-สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.คเพิ่มขึ้นเพียง75,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 180,000 ตำแหน่ง บ่งชี้แนวโน้มศก.ชะลอตัว

-รมต.สมาชิกกลุ่ม G20 เลี่ยงให้คำมั่นต่อสู้กับมาตรการคุ้มครองการค้าในแถลงการณ์ร่วมกัน แสดงให้เห็นความแตกแยกเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้า

-ก.คลังยอมรับสัญญาณเศรษฐกิจภาคเกษตรดิ่งทุกตัว ทั้งราคา ผลผลิต รายได้และการจ้างงาน

*จับตาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในการจัดตั้งรัฐบาล

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากสงครามการค้ามีแนวโน้มคลี่คลาย  และปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะมีความคืบหน้าในการมีรัฐบาลใหม่    คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,647-1,662 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

        หุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE ที่น่าสนใจ : OSP, NER, PR9 มีผล 21 มิ.ย.

        TFFIF, EGATIF, COM7 เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มีผล24 มิ.ย.

        หุ้น Defensive : กลุ่มค้าปลีก (CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, ERW, SPA) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH)

        หุ้นน่าลงทุน Theme EEC play : AMATA, WHA, WHAUP, WHART, EASTW, ATP30, ORI

        หุ้นติดโผ SET50 : SAWAD, OSP, VGI   หุ้นติดโผ SET100 : OSP, VGI, JAS, JMT, ITD, THG, BA, S (ที่มา ข่าวหุ้น)

หุ้นรายงานพิเศษ

AI (ราคาปิดล่าสุด 1.52 บาท)

ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการไฟฟ้าและพลังงาน มีลูกค้าสำคัญ ได้แก่ กฟภ. กฟผ. และกฟน. และมีส่วนแบ่งตลาด 55% โดย 1Q62 มีรายได้ 629 ลบ. (-9%YoY) แบ่งเป็น 1) ธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้า 30% 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 1.6% และ 3) ธุรกิจน้ำมันปาล์ม 67% (ถือหุ้น AIE 61.77% ) %GPM ลดเหลือ 11% จาก 1Q61 ที่ 17% จากอัตราการใช้กำลังผลิตที่ต่ำลง และ %NPM ลดเหลือ 7% จาก 1Q61 ที่ 11.7% โดยมีกำไร 1Q62 เท่ากับ 43 ลบ. -46%YoY

แนวโน้มปี 62: ธุรกิจจำหน่ายลูกถ้วยไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่องตามมูลค่างานที่ต้องส่งมอบในปีนี้ราว 1.1 พันลบ. ได้ผลบวกจากความต้องการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้ามากขึ้นตามการขยายโครงการ EEC และผลิตภัณฑ์ใหม่ Cable Spacer ได้รับการสนับสนุน Thailand Innovation Product ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องจัดสรร 30% ของงบประมาณในการจัดซื้อ ขณะที่ธุรกิจน้ำมันปาล์ม AIE เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น 2Q62 มีแนวโน้มพลิกมีกำไร BV ปลายมี.ค. 62 = 1.14 บาทต่อหุ้น

AIE (ราคาปิดล่าสุด 0.67 บาท)

ผู้ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์ม 1Q62 ขาดทุน 43.6 ลบ. ขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 1Q61 ซึ่งขาดทุน -6.2 ลบ. เนื่องจากราคาขายตกต่ำแต่ต้นทุนเพิ่มขึ้น และขาดทุน Stock loss อีกราว 19 ลบ. จากราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวลง

แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวดีขึ้น โดย 2Q62 มีแนวโน้มพลิกมีกำไร จากราคาน้ำมันปาล์มที่เริ่มกลับทิศเป็นขาขึ้น เนื่องจากมาตรการใช้น้ำมัน B10 จะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น และช่วงปลายเดือน มิ.ย.62 บริษัทฯ มีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำหรับโรงกลั่น Glycerine ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรขั้นต้นจากเดิมอีกราว 5%   BV ปลายมี.ค. 62 = 0.34 บาทต่อหุ้น

ส่องหุ้น

         WORK     แนวรับ 21.80-21.70 บาท           แนวต้าน 22.40-22.70 บาท

         LIT         แนวรับ 5.55-5.50 บาท               แนวต้าน 5.70-5.75 , 5.85 บาท

         BEC         แนวรับ 10.00-9.95 บาท            แนวต้าน 10.40 , 11.10 บาท

หุ้นมีข่าว   

·         XO Analyst Meeting (ราคาปิด 9.05  อยู่ระหว่างการปรับประมาณการเชิงลบ)  แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงตามคำสั่งที่ซื้อจาก Distributor ใน UK ที่ชะลอตัวลง คาดจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิช่วง 2Q62 ให้ลดลงทั้ง QoQ และ YoY อย่างไรก็ตามต้องติดตามยอดขายในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ว่าจะสามารถพลิกกลับมาได้หรือไม่  โดยเราอยู่ระหว่างการปรับประมาณการเชิงลบจากยอดขายที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เราคาดไว้

·         TOA (ราคาปิด 33.5 บาท Bloomberg Consensus 31.75 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 2/2562 โดดเด่น หลังปรับกลยุทธ์การขายใหม่ เตรียมเดินเครื่องโรงงานเมียนมา-กัมพูชา เพิ่มในครึ่งปีหลังนี้ ดันกำลังการผลิตสิ้นปีทะยาน 102 ล้านแกลลอนต่อปี ด้านตลาดอินโดนีเซียการตอบรับดี วางเป้า EBITDA สิ้นปีโต 17% พร้อมคงเป้ายอดขายปี 2562 โต 10% และอัตรากำไรขั้นต้นยืนเหนือ 35% (ที่มา : ทันหุ้น)

·         COM7 (ราคาปิด 20.8 บาท Bloomberg Consensus 23.17 บาท) ติดดัชนี FTSE สินค้าใหม่ดันยอดพุ่ง ตลท.เผยนำ TFFIF-EGATIF-COM7 เข้าคำนวณใน FTSE SET Mid Cap Index มีผล 24 มิ.ย.นี้ จับตา COM7 เติบโตแรง หลังขยายบริการใหม่ดันยอดโต ขณะที่เดินหน้าธุรกิจตามแผน มั่นใจปีนี้รายได้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10% รุกขยายสาขาต่อเนื่อง(ที่มา : ทันหุ้น)

·         BTS (ราคาปิด 11.5 บาท Bloomberg Consensus 12.56 บาท) จ่อบุ๊กกำไรพิเศษขายสินทรัพย์ 4 พันล้านบาท คาดชัดเจนงวดบัญชีครึ่งหลังปีนี้ เผยงวดบัญชีปี 2563 รายได้แจ่มกว่าปีก่อนที่ราว 4.98 หมื่นล้านบาท โกยรายได้ค่าก่อสร้าง-เดินรถไฟฟ้า-ธุรกิจโฆษณาสดใส ส่วนปีนี้คาดยอดผู้โดยสารทะยาน 4-5% จากปีก่อน อานิสงส์เส้นทางใหม่ ดันผู้ใช้บริการพุ่ง พร้อมเดินหน้าชิงสายสีส้ม วงเงินราว 1.2 แสนล้านบาท ตุนพอร์ต (ที่มา : ทันหุ้น)

·         SKY ส่องทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เชื่องานระบบรักษาความปลอดภัยไหลเข้าเพียบ คาดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โชว์แบ็กล็อกปัจจุบัน 5 พันล้านบาท ด้านผู้บริหารเตรียมเปิดตัวโปรเจ็กต์ยักษ์ AOT App สิงหาคมนี้ เชื่อสร้างรายได้สูงในอนาคต การันตีผลงานปีนี้โตก้าวกระโดด(ที่มา : ทันหุ้น)

·         TOG อานิสงส์สงครามการค้าหนุนยอดขายในสหรัฐพุ่ง เล็งปรับเป้าปี 2562 ทะลุ 2 ล้านดอลลาร์ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดใหม่แอฟริกาเหนือ คาดสรุปได้ปลายปีนี้ ขณะที่ทุ่มงบ 120 ล้านบาท อัพแกร่งกำลังผลิตเลนส์ชนิดพิเศษเฟส 2 เพิ่ม คาด COD ได้เดือนเมษายน 2563 ย้ำเป้ายอดขายรวมทั้งปีโต 8%(ที่มา : ทันหุ้น)

·         GJS เตือนผู้ถือหุ้นขายหุ้นต่ำกว่าราคาประเมินที่ 0.14-0.16 บาทต่อหุ้น หลัง Asia Credit Opportunities I (Mauritius) Limited จะทำเทนเดอร์ที่ราคา 0.13 บาทต่อหุ้น ชูสินทรัพย์รวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหาร(ที่มา : ทันหุ้น)

·         PRM (ราคาปิด 6.9 บาท Bloomberg Consensus 8.95 บาท) เผยดีมานด์เรือเติบโตดี ดันทุกธุรกิจกลับมาโดดเด่นรับปัจจัยบวกมาตรการ IMO ส่วนไตรมาส 2/62 คาดดีกว่าไตรมาสแรก และผลงานทั้งปีมั่นใจรายได้โต 12% แย้มครึ่งปีหลังรับเรืออีก 3 ลำ จากปัจจุบันมีเรือจำนวน 42 ลำ เผยครึ่งปีหลังเล็งโรดโชว์ ตปท. (ที่มา : ทันหุ้น)

  • PLAT (ราคาปิด 6.05 บาท Bloomberg Consensus 73 บาท) เผยไตรมาส 2/2562 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้โครงการ The Market Bangkok เฟส 1 ด้านธุรกิจค่าเช่ายังเติบโตดี มีแผนอัพค่าเช่าพื้นที่ 3-5% ต่อปี ย้ำเป้ารายได้ปี 2562 โตที่ 25% ลุยเดินหน้าลงทุนตามแผนคาดภายในปี 2565 พื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น 106,982 ตารางเมตร จำนวนห้องพักเพิ่ม 1,583 ห้อง(ที่มา : ทันหุ้น)
  • SGP แย้มทิศทางไตรมาส 2/2562 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายเติบโตต่อเนื่อง วางเป้าทั้งปียอดขายยังยืนที่ 10% หรือประมาณ 3.8 ล้านตัน ดันรายได้ปีนี้โต 7.5 หมื่นล้านบาทตามเป้า มองทิศทางราคา LPG ปีนี้เคลื่อนไหว 550-650 ดอลลาร์ต่อตัน พร้อมเดินหน้าขยายกองเรือเพิ่ม 2 ลำ รองรับดีมานด์(ที่มา : ทันหุ้น)