พระพรหมมังคลาจารย์ แนะนวัตกรรมชีวิต ยกจิตของเราให้สูงขึ้น

พระพรหมมังคลาจารย์ แนะนวัตกรรมชีวิต ยกจิตของเราให้สูงขึ้น

นวัตกรรมของชีวิต คือการยกจิตตัวเองให้สูงขึ้นเท่านั้น จึงจะทำให้ภารกิจ ธุรกิจการงาน สิ่งต่างๆ ดีขึ้น และจิตใจตัวเองก็จะดีขึ้น

นอกจากจะเป็นพระภิกษุที่เป็นที่เคารพยิ่งของคณะศิษยานุศิษย์และบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมแล้ว พระพรหมมังคลาจารย์ หรือที่รู้จักกันในนามท่านเจ้าคุณธงชัย ยังนับได้ว่าเป็นพระที่มองการณ์ไกลให้ความสำคัญกับการศึกษาอีกรูปหนึ่ง โครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดโดย บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย ได้รับเมตตาจากท่านมาบรรยายธรรมในหัวข้อ “นวัตกรรมชีวิต”

ท่านเจ้าคุณกล่าวว่านวัตกรรมที่กล่าวถึงในหัวข้อนั้น คือ การพัฒนาการกระทำใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตการยกชีวิตจากปุถุชนให้เป็นอริยบุคคลธรรมมะขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสมัยใหม่ตลอดเวลา จะอยู่ที่เรานั้นมีปัญญาในการนำไปใช้มากน้อยแค่ใหน ให้เหมาะสมกับภาวะปัจจุบันซึ่งเป็นอยู่วันนี้ พูดกันง่ายๆ ว่าถ้าเราอยู่กับอดีต อยู่เรื่องเก่าๆ คำว่าของใหม่ กรรมใหม่ การงานใหม่ ชีวิตใหม่ มันก็จะไม่เกิด นวัตกรรมของชีวิตก็คือ ชีวิตที่ดี มีคุณธรรมใหม่ ชีวิตใหม่ที่พร้อมด้วยคุณธรรม

คำว่า “นวัตกรรมของชีวิต” ก็คือการยกจิตของเราให้สูงขึ้น การยกปัญญาของเราให้สูงขึ้น มันถึงจะเป็นของใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เราจะมาเพียงแค่เป็นพุทธมามกะผู้เลื่อมใส เป็นพุทธมามกะ ที่ไม่หวั่นไหวเพียรเคารพศรัทธาต่อพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงไปวันๆ ไม่ได้ ต้องมีปัญญา ต้องยกจิตตัวเองให้เป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่สำคัญของชีวิต จึงเรียกว่าเป็นนวัตกรรมของชีวิต

เจ้าคุณธงชัยกล่าวถึง Uranus Theory หรือทฤษฎีดาวมฤตยู ที่ปรากฎอยู่บนยันต์สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งมีอยู่ 4 คำคือ Change Innovation Idealism Freedom เปรียบเสมือนอริยสัจ 4

ท่านอธิบายว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เราเรียกว่า ทุกข์ แน่นอนมันคือ การเปลี่ยนแปลง หรือChange จากเด็กมาเป็นหนุ่มเป็นสาว จนมาเป็นผู้สูงวัย คือ สัจธรรมว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง เป็นการเคลื่อนไหว ไม่สามารถดำรงความไม่เปลี่ยนแปลงได้ เด็กอยู่ตลอดกาลไม่ได้ นี่คือสิ่งต่างๆ ที่ต้องมีการ Change เราต้องพัฒนาจิตใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับปรุงชีวิตใหม่ ด้วยความเข้าใจถึงอริยสัจ 4 ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์บอกว่าเป็นทุกข์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรที่จะยั่งยืน มั่นคงได้ ให้สำรวจตรวจตรา ใช้สติ ใช้ใจดู และมองด้วยปัญญาเห็นความเปลี่ยนแปลง เอาไปใช้กับหน้าที่การงาน สังคม และสิ่งต่างๆ ที่เราเกี่ยวข้องด้วย
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้นัยยะว่าเราจะต้องมีปัญญา หาสาเหตุ ทุกคนทุกข์ไม่เหมือนกัน ก็แสดงว่าสาเหตุของทุกข์หรือสมุทัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนต้องหาเหตุให้ได้ ท่านทั้งหลายจะต้องใช้ Innovation คือ นวัตกรรมและต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ ในเชิงการทำงาน ในความเป็นอยู่ของเรา ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ เราต้องใช้เครื่องมือ เพราะสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงมากและเกิดขึ้นจริง

Idealism หรือนิโรธ (การดับทุกข์) มนุษย์เรานั้นมีจริตไม่เหมือนกัน นานาจิตตัง จิตนั้นต่างกัน ทานอาหารไม่เหมือนกัน รสชาติไม่เหมือนกัน ความพึงพอใจไม่เหมือนกัน จริตไม่เหมือนกัน ต้องใช้ให้ถูกจริต ซึ่ง นิโรธเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ได้สรุปไว้แล้ว และเราสามารถที่จะเลือกให้ถูกกับจริตของเรานำไปปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายได้
Freedom แปลว่า อิสรภาพ เสรีภาพ หรือเรียกว่า มรรค คือการเดินทางปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายถึงอริยะบุคคล ต้องมีผลสัมฤทธิ์เป็นเชิงบัญญัติว่าปฏิบัติแล้วได้ผลจริง เป็นที่ประจักษ์

ฉะนั้น นวัตกรรมของชีวิตคือ การยกจิตตัวเองให้สูงขึ้นเท่านั้น จึงจะทำให้ภารกิจ ธุรกิจการงาน สิ่งต่างๆ ดีขึ้น และจิตใจตัวเองก็จะดีขึ้น สรุปได้ว่าทุกคนก็มีทุกข์ หนทางเดียวถ้าไม่มีปัญญาก็มีทุกข์ การโทษคนอื่นไม่ได้โทษตัวเองแท้จริงแล้วตัวเองกำลังล้าสมัย กำลังอยู่ในขั้นที่เรียกว่าตกยุคและไม่รู้จักยกจิตตัวเองให้มีปัญญา ไม่ยกจิตตัวเองให้สูงขึ้นและไม่รู้จักใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Innovation หรือ นวัตกรรมเข้ามาช่วยในเชิงธุรกิจและการงานแม้กระทั่งความเป็นอยู่ วิถีชีวิต ให้ก็ต้องใช้นวัตกรรม สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่ามันเป็นวัตถุภายนอกเป็นนวัตกรรม