รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 เผยเตรียมแผนปฎิรูปปาล์มน้ำมันปรับปรุง เสนอรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชู 3 ประเด็นแก้ปัญหาราคาตกต่ำยั่งยืน
นายสิทธิพร จริยพงษ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ว่า จะเสนอแผนปฎิรูปปาล์มน้ำมันฉบับปรับปรุงใหม่ให้กับรัฐาลใหม่ทันที
หลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) เสร็จได้รับการโปรดเกล้าก็จะผลักดันเรื่องนี้เข้าคณะกรรมการนโยบายปาล์น้ำมันแห่งชาติ (กนป.)
สำหรับแผนปฏิรูปปาล์มมีทั้งหมด 6-7 ด้าน แต่จะหยิบยกเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ประกอบด้วย 1.การยกระดับผลผลิตปาล์มต่อไร่ต่อปีไม่ให้ต่ำกว่า 3.5-4 ตันต่อไร่ต่อปี จากเดิมผลผลิตอยู่ที่ 2.8-3 ตันต่อไร่ต่อไป
และให้การดำเนินการยกระดับผลผลิตในแผนปฎิรูปฯเดิมเรากำหนดไว้ภายในปี 2565 เราก็ปรับว่าจะต้องดำเนินการภายในปี 2563 เลย สำหรับการยกระดับผลผลิตปาล์มของเกษตรกร
“ปาล์มไม่ว่าใครจะประกาศนโยบายว่าจะทำให้ราคาปาล์มที่ 5-6 บาทต่อกิโลกรัม ผมว่ายังไงก็ทำไม่ได้”
ซึ่งเหตุผลที่ไม่สามารถทำให้ราคาผลปาล์มน้ำมันที่ 5-6 บาทต่อกิโลกรัมไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันเราไม่สามารถส่งออกปาล์มน้ำมันได้ และผลผลิตเราเกินความต้องการใช้ภายในประเทศ
“ปัจจุบันเราผลิตปาล์มน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี ใช้บริโภคภายในประเทศประมาณ 1 ล้านตัน เฉลี่ยเดือนละ 80,000 ตัน ส่วนที่เหลือไป เพราะเราส่งออกไม่ได้แม้แต่หยดเดียวตอนนี้”
ฉะนั้นทางออกก็คือการมองไปที่ด้านพลังงานเป็นหลัก ถ้าราคาผลปาล์มน้ำมันดิบ 5 บาทต่อกิโลกรัม เราจะนำมาผลิตเป็นพลังงานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น บี10 หรือ บี20 และ บี100 เพราะจะทำให้ราคาไปใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล
2.ตั้งราคาที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีกำหนดเงื่อนไขว่า การที่เกษตรกรจะขายผลปาล์มน้ำมันที่ราคา 4 บาทต่อกิโลกรัมได้นั้น
เกษตรกรจะต้องปรับคุณภาพเปอร์เซ็นต์ผลน้ำมันเปาล์มจากปัจจุบันอยู่ที่ 17-19 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มเป็น 20-21-22-23 ซึ่งหากปรับเพิ่มได้ตามที่กำหนดก็สามารถขายผลปาล์มน้ำมันได้ในราคา 4 บาทตอ่กิโลกรัมได้
ซึ่งเกษตรกรสามารถยกระดับเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มได้อยู่แล้ว เช่น เกษตรกรจะต้องตัดปาล์มสุก อย่ารดน้ำ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีน้ำอยู่ อย่าบ่มปาล์ม ก็จะทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มเพิ่มได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว
3.นำปาล์มน้ำมันมาผลิตส่วนที่เหลือจากการบริโภคภายในประเทศมาเป็นใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล คือ บี 10 ที่เป็นสากล หมายถึงรถชนิดสามารถใช้น้ำมัน บี10 ได้ และผลิต บี 20 และ บี 100 เพื่อเป็นทางเลือก
และสิ่งที่จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีคนเดิมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานี่แหละคือ การใช้น้ำมัน บี100 ของเกษตรกรที่ใช้สำหรับเครื่องจักรกลทางการเกษตร เช่น รถไถนา รถแทรกเตอร์ รถแบคโฮ ที่เป็นเครื่องจักรกลหนัก
“สิ่งที่จะขอกับนายกรัฐมนตรีก็คือ ขอให้ยกเว้นภาษีสำหรับน้ำมัน บี100 เพราะหากว่ามีการจัดเก็บภาษีสรรพมิต ภาษีสรรพากรน้ำมัน บี100 น้ำมันบี100ก็เดินไม่ได้ เพราะราคามันจะไปใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล”
รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 กล่าวและว่า แผนปฎิรูปปาล์มน้ำมันในประเด็นที่นำเสนอซึ่งเกี่ยวข้องกับเกษตรกรโดยตรง เชื่อว่าจะเป็นแนทางการแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำที่ยั่งยืน
การใช้นโยบายการจ่ายชดเชยไร่ละ 1,500 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15 ไร่ มันก็ล้มเหลวหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองต่างๆหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งว่าจะทำให้ราคาปาล์ม 5-6 บาทต่อกิโลกรัมทำไม่ได้แน่นอน
“ราคาที่สามารถทำให้เป็นจริงได้อยู่ที่กิโลกรัม 3.50-4.50 บาท แต่ถ้าราคากิโลกรัมละ 5 บาท ก็จะไปกระทบกับน้ำมัน บี100 ทันทีเพราะจะทำให้น้ำมัน บี100 ราคาใกล้เดียงกับน้ำมันดีเซล”
ถ้าหากรัฐบาลมีความกล้าหาญคือ ประกาศให้การซื้อขายน้ำมัน บี100 ให้ถูกกฎหมายและยกเว้นภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพากรได้ เราก็จะทางออกให้กับผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เหลือจากการบริโภค
ล่าสุดได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ปัจจุบันเขามีทางออกในการระบายน้ำมันปาล์มดิบไปได้หลากหลาย ทั้ง บี 10 บี 20 และบี100
รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 กล่าวว่า หากรัฐบาลชัดเจนเลือกแนวทางนี้ รัฐบาลไม่ต้องปวดหัวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ต้องจ่ายชดเชยการส่งออก ไม่ต้องวิ่งหาตลาดส่งออก กวดขันการลักลอบนำเข้าให้ดี
“รัฐบาลต้องประกาศให้ปาล์มน้ำมันเป็นสินค้าอ่อนไหว ผลิตในประเทศ ใช้ภายในประเทศ รักษาสิ่งแวดล้อม สินค้าอ่อนไหวในอาเซี่ยนเขาประกาศเกือบทุกตัว” รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติคนที่ 2 กล่าว