‘เพอร์เฟค’ลุ้นปีนี้กำไร‘นิวไฮ’เหตุ บุ๊คกำไรพิเศษขายหุ้น 'โรงแรมรอยัล ออคิด'

‘เพอร์เฟค’ลุ้นปีนี้กำไร‘นิวไฮ’เหตุ บุ๊คกำไรพิเศษขายหุ้น 'โรงแรมรอยัล ออคิด'

"พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค" คาดกำไรปีนี้ทุบสถิติ เหตุเตรียมรับรู้กำไรพิเศษกว่า 1 พันล้านบาท จากบริษัทย่อยขายหุ้น "โรงแรมรอยัล ออคิด"ออกในสัดส่วน 40 % ราคาประมาณ 75-80 บาทต่อหุ้น คาดรายได้จากการขายราว 3 พันล้านบาท รวมถึงกำไรจากการดำเนินปกติเติบโต

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)หรือ PF เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดจะมีการบันทึกกำไรพิเศษประมาณกว่า 1 พันล้านบาท เนื่องจาก จากบริษัทย่อย คือ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAND มีแผนที่จะมีการขายหุ้น บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ ROH ออกมาจำนวนในสัดส่วน 40% ในราคาหุ้นละประมาณ 75-80 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะได้เงิน เนื่องจากปัจจุบัน GRAND ถือหุ้น ROH สูงถึง 98.48 % หลังจากที่มีการทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์)เสร็จในช่วงกลางปี 2561

ทั้งนี้การถือหุ้นในสัดส่วนดังกล่าว บริษัทมองว่าสูงเกินไป จึงมีแผนขายหุ้นออกมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้ออยู่จำนวน 1-2 ราย นอกจากนี้รายการพิเศษดังกล่าว บริษัทยังมีกำไรจากการขายที่ดิน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีกำไรพิเศษเท่าไร สำหรับเงินที่ได้จากรขายที่ดิน และการขายหุ้น ROH นั้น บริษัทมีแผนที่จะนำไปลดหนี้ โดยคาดว่าอัตราหนี้สินต่อทุน ( D/E) ปีนี้อยู่ที่ 1.61 เท่า จากปัจจุบันที่ 1.88 เท่า
' GRAND มีแผนที่จะขายหุ้น ROH สัดส่วน 40 % เนื่องจาก ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วนที่สูง 98.48 % ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ซื้อ โดยราคาขายคาดอยู่ที่ 75-80 บาทต่อหุ้น ซึ่งประเมินจากที่บริษัทจะมีการปรับเพิ่มราคาห้องพักขึ้นหลัง ปรับปรุงห้องพักใหม่ จะทำให้บริษัทมีมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง จะมีรายได้จากการขายหุ้นดังกล่าว 3 พันล้านบาท และคาดว่าจะบันทึกเป็นกำไรพิเศษกว่า 1 พันล้านบาท หลังหักต้นทุนการถือหุ้นบริษัทดังกล่าว และจาก PF ถือหุ้น'นายธีรธัชช์ กล่าว
เขากล่าวว่า คาดว่าปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รวมถึงมีกำไรจากผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งไตรมาส 1ปี2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 660 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิที่มีกำไรสุทธิ 548.65 ล้านบาท แม้ในช่วงไตรมาส 2ปี2562 ผลการดำเนินงานของบริษัทจะชะลอตัวลง จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากที่ได้รับผบกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน หรือมาตรการแอลทีวี( LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่บริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่รอรับรู้รายได้ ( backlog)ปีนี้กว่า 5,364 ล้านบาท และบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ ซึ่งจะมีบางส่วนรับรู้รายได้ปีนี้ นอกจากนี้มีกำไรพิเศษจากขายหุ้นROH ด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้เหลือ 25,115 ล้านบาท จากเดิมที่ 26,115 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ารายได้จากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ไม่เป็นตามแผน หรือลดลงเหลือ 1,0400 ล้านบาท จากเป้าเดิมที่ 11,400 ล้านบาท จากผลกระทบมาตรการ LTV ที่กระทบต่อยอดโอนคอนโดมิเนียม 30% และยอดโอนบ้านเดี่ยว 20% ซึ่งไตรมาส 1 ปี2562 มีรายได้เพียง 2,443 ล้านบาท แต่ยังมั่นใจการรับรู้รายได้คอนโดมิเนียมยังทำได้ตามเป้าที่ 7,900 ล้านบาท

สำหรับเป้ายอดขายปีนี้ คาดอยู่ที่ 22,400 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้รวม 17 โครงการมูลค่ารวม 39,345 ล้านบาท จากไตรมาส 1 เปิดไปแล้ว 4 โครงการ และเปิดเพิ่มในไตรมาส 2อีก 4 โครงการ และที่เหลือจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนรายได้ปีนี้ที่ 25,115 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นรายได้แนวราบ 11,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7,900 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 4,500 ล้านบาท รายได้ขายที่ดิน 2,100 ล้านบาท รายได้ค่าเช่าและบริหาร 215 ล้านบาท ส่วนยอดขายปีนี้ตั้งเป้า 22,400 ล้านบาท มาจากโครงการอสังหาฯแนวราบ 12,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 10,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากที่การเมืองชัดเจนและมีรัฐบาลใหม่ ต้องติดตามนโยบายเรื่องการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีอะไรบ้าง จากที่มาตรการในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมานั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นอย่างตรงจุด และติดตามเรื่อง LTV ว่าจะมีนโยบายอย่างไร เพราะที่ผ่านมานั้นส่งผลกระทบต่อยอดโอน จากที่ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาฯสร้างเสร็จ(สต็อก)พร้อมขายอยู่รวม 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะมีแผนที่จะมีการจัดโปรโมชั่น เพื่อที่จะลดสต็อกดังกล่าว