กัญชาของกลาง 22 ตัน ไม่มีสารปนเปื้อนแค่ 7 กก.

กัญชาของกลาง 22 ตัน ไม่มีสารปนเปื้อนแค่ 7 กก.

"ป.ป.ส.-สธ." เผยผลตรวจกัญชาของกลาง 22 ตัน พบสารปนเปื้อนอันตรายกว่า 16 ตัน นำไปใช้สกัดยาได้เพียง 7 กก. ส่วนอีก 2.3 ตัน เตรียมส่งมอบให้รพ.-สถาบันการศึกษานำไปวิจัย เลขาฯป.ป.ส.เตือนซื้อสารสกัดกัญชาผ่านเฟซบุ๊ก-ตลาดมืด เสี่ยงมะเร็งตับสูง 200 เท่า

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.62 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการป.ป.ส. และนพ. พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงผลการตรวจหาสารปนเปื้อนในกัญชาของกลางจำนวน 22 ตัน ว่า ป.ป.ส.ได้ประสานไปยังหน่วยงานจับกุมเพื่อชะลอการเผาทำลายของกลางกัญชา และขออนุญาตครอบครองกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่งตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนจากกัญชาของกลางจำนวน 43 คดี น้ำหนักรวม 22 ตัน ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์กัญชาของกลาง พบว่ามีกัญชาเพียง 7 ก.ก. เท่านั้น ที่ไม่พบสารปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง และโลหะหนัก ส่วนกัญชาของกลางจำนวน 2,097 ก.ก. ไม่พบการปนเปื้อนยาฆ่าแมลงแต่พบแคดเมียมเกินค่ามาตรฐาน ขณะที่กัญชาของกลางจำนวน 16,137 ก.ก. ตรวจพบยาฆ่าแมลงและแคดเมียมเกินค่ามาตรฐาน ดังนั้นกัญชาของกลางที่พบสารปนเปื้อนน้ำหนัก 16 ตัน จะถูกนำไปเผาทำลาย ส่วนกัญชาที่ไม่มีสารปนเปื้อนจำนวน 2.3 ตัน ในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ ป.ป.ส.จะส่งมอบให้โรงพยาบาลและสถาบันการศึกษา 10 แห่ง นำไปวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์

9994000325595

นายนิยม กล่าวอีกว่า กัญชาของกลางยังไม่สามารถนำมาใข้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ทั้งหมด เพราะมียาฆ่าแมลงและโลหะหนักปนเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่าสารสกัดจากกัญชาที่ขายกันในตลาดมืด หรือการซื้อขายผ่านเฟซบุ๊ก ยังไม่มีความปลอดภัย น่าเชื่อว่านำกัญชาที่มีสารปนเปื้อนปรอท แคดเมียม ตะกั่ว สารหนู และยาฆ่าแมลง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ จากการติดตามของป.ป.ส.พบว่ามีการจัดประชุมหรือสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชามากกว่า 100 ครั้ง ทั้งในหัวข้อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และธุรกิจกัญชา มีทั้งเก็บค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น หรือไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งมีทั้งการให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและคลาดเคลื่อน จึงต้องแจ้งเตือนไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวัง หากมีการสื่อสารข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จะเกิดอันตรายกับผู้ใช้ และยังอาจมีความผิดทางกฎหมายตามมาอีกด้วย

ด้านนพ.พิเชฐ กล่าวว่า การตรวจหาสารปนเปื้อนและยาฆ่าแมลงในกัญชาเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสารปนเปื้อนต่างๆไม่สามารถสลายไปได้ด้วยกระบวนการสกัด โดยเฉพาะกัญชาที่มีเชื้อราปนเปื้อน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับสูงถึง 200 เท่า ส่วนแคดเมียมจะทำให้เป็นโรคไขกระดูก กระดูกพรุน สารหนูทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ในต่างประเทศที่ผลิตยาจากกัญชาจึงต้องควบคุมเข้มงวดตั้งแต่การปลูก ไม่ให้มีสารปนเปื้อนในดินและผลผลิต ดังนั้นในอนาคตที่จะมีการอนุญาตให้ปลูกกัญชาในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน ก็จะสามารถคำนวณได้ว่า จะปลูกอย่างไรไม่ให้มีสารปนเปื้อนเกินเกณฑ์มาตรฐาน และหากต้องการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ก็ยังต้องผ่านการตรวจตามมาตรฐานทางอาหารและยาให้ตรงกับประเทศปลายทางผู้ซื้อด้วย

9993999132539

รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวอีกว่า การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจหาสารปนเปื้อนมีอยู่ 2 เกณฑ์ คือ เกณฑ์ทั่วไปตามที่ อ.ย.กำหนดไว้ 62 รายการ เช่นเกณฑ์ในอาหาร พืชผัก ผลไม้ และเกณฑ์พิจารณาจากตำรับยาสมุนไพรไทย 33 รายการ ซึ่งกรมฯมีเทคโนโลยีชั้นสูงในการตรวจสอบ 500 รายการ เทียบเท่ามาตรฐานยุโรป