นลท.หวังเฟดลดดอกเบี้ยหนุนดาวโจนส์พุ่งกว่า500จุด

นลท.หวังเฟดลดดอกเบี้ยหนุนดาวโจนส์พุ่งกว่า500จุด

การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย.

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร (4มิ.ย.)ทะยานกว่า 500 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ประกอบกับนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น  512.4 จุดหรือ 2.06% ปิดที่ 25,332.18 ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 58.82 จุด หรือ 2.14% ปิดที่ 2,803.27 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 194.10 จุดหรือ 2.65% ปิดที่ 7,527.12 จุด

ราคาหุ้นของบริษัทเจเนรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และฟอร์ด ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าเม็กซิโก ดีดตัวขึ้น 4.3% และ 3.2% ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก

ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านทางการเจรจาต่อไป

“จีนเชื่อมาโดยตลอดว่า ความคิดเห็นที่แตกต่าง และความขัดแย้งทางการค้าและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศทั้งสอง ในท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจา และการปรึกษาหารือ แต่การปรึกษาหารือดังกล่าวต้องมีหลักการ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน” กระทรวงพาณิชย์จีน ระบุ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซา

นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ และเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง อันเนื่องมาจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

นายบูลลาร์ด กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อช่วยหนุนอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังอาจช่วยพยุงเศรษฐกิจ ในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดถือเป็นกรรมการเฟดคนแรกที่ออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะว่าเฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย นับตั้งแต่เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเดือนม.ค.ปีนี้ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เฟดจะใช้ “ความอดทน” ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมกับพิจารณาถึงอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า