ผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนตลาดลุ้นเฟดปรับลดดอกเบี้ย ไม่ใช่เศรษฐกิจถดถอย

ผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนตลาดลุ้นเฟดปรับลดดอกเบี้ย ไม่ใช่เศรษฐกิจถดถอย

เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอ เจรจาการค้ายากได้ข้อสรุป

ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 52.1 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต.ค.2559 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะดีดตัวสู่ระดับ 53.0 จากระดับ 52.8 ในเดือนเม.ย. ขณะเดียวกันตลาดลดความคาดหวังที่สหรัฐฯและจีน จะสามารถหาข้อสรุปในการเจรจาการค้าจากการประชุม G20 ในวันที่ 28-29 มิ.ย.

ไม่ใช่เศรษฐกิจถดถอยแต่คือสัญญาณว่าตลาดมองเฟดจะลดดอกเบี้ย เราประเมินอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ ไม่ใช่สัญญาณเตือนเศรษฐกิจถดถอย (Recession) แต่คือการสะท้อนมุมมองของตลาดที่คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 1-2 ครั้ง ซึ่งล่าสุดได้รับการสนับสนุนจากกรรมการเฟดอย่างบูลลาร์ด ที่มองอัตราดอกเบี้ยเฟดไม่ได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และอาจจำเป็นต้องมีการปรับลดลงในเร็วๆนี้ ซึ่งเรามองจะเป็นปัจจัยผลักดันความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นเมื่อเทียบกับพันธบัตร

การเมืองในประเทศ ไม่ปิดความเสี่ยงของการยุบสภา วันนี้ 12.00 น. พรรคพลังประชารัฐรวมกับอีก 5 พรรคการเมือง (ไม่รวมประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย) จะแถลงความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาล ก่อนหน้าการประชุมเลือกนายกรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น (5 มิ.ย.)  ทั้งนี้การแถลงข่าวที่ไม่มี 2 พรรคใหญ่เข้าร่วม, ความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เสียงสนับสนุนของรัฐบาลมีความไม่แน่นอน ซึ่งแม้พลเอกประยุทธ์ มีแนวโน้มจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความไม่แน่นอนของคะแนนเสียงรัฐบาล ทำให้นักลงทุนจะยังคงกังวลถึงโอกาสยุบสภา

เลือกเก็งกำไรรายตัว หุ้นปลอดภัย ทยอยสะสมโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยยังคงความระมัดระวังในการเก็งกำไรเชิงตั้งรับ และรอจังหวะทยอยสะสม GPSC, CPF, TU, GFPT, SAWAD, AEONTS, TK, GCAP, AMANAH, PSH, AP, SPALI หรือกลุ่มที่ผลการดำเนินงานมั่นคง อาทิ WHART, FTREIT, EGATIF, EASTW, GUNKUL*, SSP*, AQUA* / ปิโตรเคมี โรงกลั่น ลงมาจนต่ำกว่าหรือใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี อาทิ TOP (61.82), PTTGC (66.94), IRPC (4.29), BCP (31.15) โดยเฉพาะ TOP และ PTTGC

ภาพรวมกลยุทธ์: เก็งกำไรในเชิงตั้งรับ ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบ 1607 และโซนต่ำ 1600 จุด  การเก็งกำไรยังเน้นกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำวันนี้ GPSC, CPF* เก็งกำไร SSP* (เป้า 8.10 ตัดขาดทุน 7.50), เก็งกำไร JAS* (เป้า 6.60 ตัดขาดทุน 5.75)

แนวรับ 1607-1615 / แนวต้าน : 1637 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

Global PMI ชะลอตัวจากผลกระทบสงครามการค้า – ตัวเลขผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของกลุ่มประเทศหลัก อาทิ สหรัฐฯ, ยุโรป, และจีน ส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือน พ.ค. สะท้อนภาพการชะลอตัวของภาคการผลิตโลก  

พาณิชย์ปรับลดเป้าส่งออกเหลือโต 3% – กระทรวงพาณิชย์ปรับลดเป้าส่งออกของไทยปี 62 เหลือโต 3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 8% ขณะที่ฝั่ง ธปท.เตรียมปรับเป้าการเติบโตของ GDP ใหม่ในเดือน มิ.ย.

ราคาน้ำมันร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 – ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 4 วันทำการติดต่อกันหลังตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและสงครามการค้าที่เร่งตัวกดดันคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบที่มีโอกาสอ่อนแอลง

AOT – เปิดซองดิวตี้ฟรีภูมิภาค ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่

กลุ่มธนาคาร – คุณภาพสินเชื่อลูกหนี้เอสเอ็มอีแย่ลง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไตรมาส 2/62 ยังปรับตัวขึ้น

ประเด็นติดตาม: 4 มิ.ย. – FED chair Powell Speaks, ตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป เดือน พ.ค. / 6 มิ.ย. – FED Beige Book, EU GDP 1Q19, ECB meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)