ดาวโจนส์ทรุดกว่า 300 จุดหลัง“ทรัมป์”เปิดศึกการค้ารอบด้าน

ดาวโจนส์ทรุดกว่า 300 จุดหลัง“ทรัมป์”เปิดศึกการค้ารอบด้าน

ด้านกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า จะจัดทำรายชื่อบริษัทต่างชาติ, องค์กร และบุคคล ซึ่งทางกระทรวงมองว่าไม่น่าเชื่อถือ และเป็นภัยต่อบริษัทของจีน แต่กระทรวงไม่ได้ระบุชื่อประเทศ หรือบริษัทใดๆในแถลงการณ์ดังกล่าว

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (31พ.ค.)ปรับตัวลงกว่า 300 จุด ขณะที่นักลงทุนวิตกต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับจีน ซึ่งอาจจะส่งผลให้สหรัฐเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 354.84 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 24,815.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 36.8 จุด หรือ 1.32% ปิดที่ 2,752.06 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลบ 114.57 จุดหรือ 1.51% ปิดที่ 7,453.15 จุด

หุ้นบริษัทเจเนรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 4% ขณะที่หุ้นบริษัทฟอร์ดดิ่งลง 3.3% โดยบริษัททั้งสองต่างก็มีโรงงานผลิตรถยนต์ในเม็กซิโก ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ สร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดด้วยการประกาศจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยปธน.ทรัมป์มีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัฐบาลเม็กซิโกสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ

"ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกทุกประเภท ในอัตรา 5% จนกว่าการหลั่งไหลของผู้อพยพจากเม็กซิโกที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐจะสิ้นสุดลง” ปธน.ทรัมป์ระบุ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเตือนว่า สหรัฐจะเพิ่มภาษีนำเข้าขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกจะได้รับการแก้ไข

นอกจากนี้  สหรัฐ ยังเผชิญข้อพิพาททางการค้าจากจีน ขณะที่สื่อรายงานว่า จีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐแล้ว และอาจระงับการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้น

นายจาง หานฮุย รมช.ต่างประเทศจีน กล่าวว่า การยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้าเปรียบเสมือนการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ

“เราต่อต้านการทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวการทำสงครามการค้า ซึ่งการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้าเปรียบเสมือนการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ เป็นการบ่อนทำลาย และข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ” นายจางกล่าว