ทส.ตั้งเป้าลดฝุ่นเขตเมือง-ภาคเหนือ ชวนร่วมวันสิ่งแวดล้อมโลก

ทส.ตั้งเป้าลดฝุ่นเขตเมือง-ภาคเหนือ ชวนร่วมวันสิ่งแวดล้อมโลก

ทส.แนะปชช.ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ตั้งเป้าลดฝุ่นเขตเมือง-ภาคเหนือ ชวนร่วมวันสิ่งแวดล้อมโลก

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)กล่าวในงานแถลงข่าวชวนร่วมงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2562 (World Environment Day 2019) ในวันที่ 5 มิ.ย.62 ว่าช่วงเดือนธ.ค.ถึงมี.ค.ที่ผ่านมาประเทศไทยพบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5)ในอากาศบริเวณเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงมีค่าฝุ่นละอองเกินกว่ามาตรฐานนานกว่า 45 วัน พื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง รวมถึงเขตพื้นที่จังหวัดสระบุรีบริเวณโรงงานบดหินและเขตมาบตราพุดในจังหวัดระยอง

ปลัดทส.กล่าวว่า อยากให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันรณรงค์การลดมลพิษทางอากาศ ทั้งลดการใช้ยานพาหนะ ส่งเสริมการใช้บริการขนส่งสาธารณะและยานยนต์ไฟฟ้า การส่งเสริมให้รถยนต์สาธารณะปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมัน B20 มากขึ้นและเร่งรัดนำน้ำมันดีเซลเทียบเท่ามาตรฐาน EURO 5 จำหน่ายเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวมถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองทั่วประเทศเพื่อดูดซับมลพิษและสร้างอากาศบริสุทธิ์ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพท้องถิ่นในการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศและการควบคุมระบบ Single Command อีกทั้งแนวทางนี้จะเป็นแผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กให้ลดลงได้

“เราไม่สามารถหยุดหายใจได้ แต่เราทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อคุณภาพที่ดีได้ เราเคยใช้รถตลอดเวลาก็เดินบ้าง วันหยุดก็ใช้รถสาธารณะบ้าง ในเขตกรุงเทพมหานครก็ใช้รถดีเซล มองหาทางอื่นที่เหมาะสมที่เราจะสามารถทำได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหน่วยเดียว แต่เป็นเรื่องของทุกคน ต้องเริ่มจากทุกคน” ปลัดทส.กล่าว

สำหรับ แนวทางการลดฝุ่นละอองคือลดวันที่อากาศเกินค่ามาตรฐานให้ได้มากที่สุด กรณีในเขตเมืองและภาคเหนือก็จะพยายามลดไม่ให้ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานเลยแม้วันเดียว หากทุกฝ่ายร่วมมือกันจะสามารถช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนได้ เพราะปัญหาด้านมลพิษก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น กลุ่มโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคเรื้อรังของทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อเฉียบพลัน โรคมะเร็งปอดและเสี่ยงต่อสมองเสื่อม ซึ่งข้อมูลจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ(UNEP) พบว่า 9 ใน 10 ของประชากรโลกหายใจเอาอากาศที่ปนเปิ้อนมลพิษเข้าไปทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอัน 7 ล้านคนใน 1 ปีและเกินครึ่งอยู่ในแถบเอชียและแปซิฟิก

“เรื่องมลพิษทางอากาศเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยไม่ได้มีผลในวันนี้แต่ส่งผลในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว” วิจารย์กล่าว

นอกจากนี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังชวนร่วมงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2562 (World Environment Day 2019)ในวันที่ 5 มิถุนายน 2562 โดยในปีนี้โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ(UNEP) รณรงค์ภายใต้คำขวัญ “Beat Air Pollution หรือ หยุดหมอกควันและอากาศพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. และเสริมว่าอยากเชิญชวนประชาชนเข้าดูงานรายงานผลจากนโยบายเรื่องพลาสติกซึ่งเป็นแนวคิดในการจัดงานปีที่แล้วว่ามีการลดการใช้พลาสติดไปมากน้องเพียงใด

นายรัชฎา สิริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าวัตถุประสงค์ในการจัดงานวันสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมภายในงานวันสิ่งแวดล้อมปีนี้ว่า เป็นการเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเผยแพร่ผลสัมฤทธิ์ และเชิดชูเกียรติบุคคล ดารานักแสดง รวมทั้งองค์กรต้นแบบที่ทำคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมในรอบปีที่ผ่านมา

อีกทั้งมีกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน เช่น การปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทเรียนการแก้ไขมลพิษทางอากาศระดับประเทศ การเสวนา เรื่อง “การขับเคลื่อนให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหามลพิษคุณภาพอากาศ” ในหลากหลายแง่มุม ทั้งสถานการณ์มลพิษทางอากาศ Air4Thai ผลกระทบต่อสุขภาพและการปฏิบัติตัว การคมนาคมสีเขียว รถยนต์ไฟฟ้าทางเลือกใหม่ไร้มลพิษ Smart City เพื่อสิ่งแวดล้อมสีเขียว การขนส่งและธุรกิจสีเขียว การจัดการไฟป่าภาคเหนือ ตลอดจนนิทรรศการเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก รวมทั้งนิทรรศการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น UNEP สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น