เชลซี ถล่ม อาร์เซนอล 4-1 คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก สมัยที่ 2
เอแดน อาซาร์ เหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ เชลซี ถล่ม อาร์เซนอล คู่ปรับร่วมเมือง 4-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรปา ลีก สมัยที่ 2 ไปครอง พร้อมเป็นถ้วยแรกติดมือก่อนจบซีซั่น
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ วันนี้ (30 พ.ค.) ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงเป็น "ลอนดอน ดาร์บี แมทช์" เชลซี ทีมอันดับ 3 ของลีก พบกับ อาร์เซนอล ทีมอันดับ 5 ของลีก และคู่ปรับร่วมเมือง
โดยเกมนี้ "สิงห์บลูส์" ของเฮดโค้ช เมาริซิโอ ซาร์รี จัดเต็ม วาง เกปา อาร์ริซาบาลากา, ดาวิด ลุยซ์, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, จอร์จินโญ, เอ็นโกโล กองเต, เปโดร, เอแดน อาซาร์ และโอลิวิเยต์ ชิรูด์
และในนาทีที่ 60 เชลซี มาทิ้งห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เอแดน อาซาร์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตบเข้ากลางมาให้ เปโดร กดด้วยซ้ายบริเวณจุดโทษเข้าไป
มาถึงนาทีที่ 64 เชลซี มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ไปทำฟาล์ว ชิรูด์ ในกรอบเขตโทษ และ อาซาร์ ซัดเข้าไปไม่พลาดให้ทีมดังแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ นำห่าง 3-0
อย่างไรก็ตามในนาทีที่ 69 "ปืนใหญ่" ไม่ยอมแพ้เมื่อ อเล็กว์ อิโวบี ตัวสำรอง กดด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือ เกปา แบบงดงามให้ทีมไล่มาเป็น 1-3
ทว่าผ่านมาอีกเพียง 3 นาที เชลซี มายิงทิ้งห่างเป็น 4-1 จากจังหวะที่ ชิรูด์ เข้าไปในกรอบเขตโทษ และตบเข้ากลางให้ อาซาร์ วิ่งมาชาร์จง่ายๆ และเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย
หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้ ทำให้จบเกม เชลซี ถล่ม อาร์เซนอล 4-1 คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก สมัยที่ 2 ต่อจากปี 2012–13 พร้อมเป็นการประเดิมแชมป์แรกของ ซาร์รี ในซีซั่นแรกที่เข้ามาคุมทัพ ขณะที่ เอเมอรี พลาดคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในการเข้าชิงชนะเลิศในรายการนี้