'ทีมงานก้าว' โพสต์ระบายหลัง 'พี่ตูน' เจอดราม่าวิ่งเรี่ยไรเงินคนจน

'ทีมงานก้าว' โพสต์ระบายหลัง 'พี่ตูน' เจอดราม่าวิ่งเรี่ยไรเงินคนจน

"ทีมงานก้าว" โพสต์ระบายคนเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรากันทุกคน หลัง "พี่ตูน" เจอดราม่าวิ่งเรี่ยไรเงินคนจน

จากกรณีที่ 'ตูน บอดี้สแลม' หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องชื่อดัง ที่กำลังเตรียมตัวที่จะวิ่งหาเงินบริจาคมอบให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ภาคอีสาน ในโครงการก้าว แต่ทว่ากลับมีประเด็นดราม่าเกิดขึ้น ซึ่งคนบางส่วนโจมตีว่า เป็นการเรี่ยไรเงินคนจน และต่างๆนาๆ อีกมากมาย

ขณะที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายชายชาญ ใบมงคล หรือเบลล์ หนึ่งในทีมงานก้าว ได้โพสต์ระบายความรู้สึก ระบุว่า "คนเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรากันทุกคน"
เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมหนักใจมาตลอด
เราคิดว่าด้วยการทำงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
น่าจะแสดงจุดยืนที่ขัดเจนของ "ก้าว" ได้เป็นอย่างดี

แต่ก็ยังคงมีประโยค มีคำพูดที่ทิ่มแทงความรู้สึกให้ได้ยิน ได้อ่านอยู่เป็นระยะๆ

"พวกคุณมันไร้เดียงสา"
"นี่มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง"
"เป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมือง"
"เมื่อก่อนโอเคนะ...ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว"
"มาเอาเงินคนจนทำไม? ทำไมไม่ไปเอาจากคนรวยๆ"

เฮ่อ... ที่ทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตเนี่ยไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่งเลย และคนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชนทุกๆ คนที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการของโรงพยาบาลรัฐ ผมอยากชวนคิดว่า ถ้าเราใช้บริการ รพ. รัฐ โดยจ่ายเงินให้ รพ. หลักสิบ ทั้งๆ ที่ค่ารักษามัน หลักพันหลักหมื่น รพ. เขาจะเอาเงินที่ไหน มาพัฒนาศักยภาพ?

มันไม่ใช่เรื่องว่า งบของรัฐไปไหน? มันเป็นเรื่องว่า งบเหล่านั้นถูกจ่ายมาอยู่ในรูปแบบของค่ารักษาพยาบาลให้พวกเราทุกคนต่างหาก... มันก็เตี้ยอุ้มค่อมกันอย่างนี้ ถ้าอยากจะหาเครื่องมือเพิ่มโรงพยาบาลต้องทำยังไง?

1. ทำห้องพิเศษที่คนมีตังสามารถจ่ายได้แลกกับความสะดวกสบายที่มากขึ้น (ซึ่งก็ต้องมีเงินทุนก้อนใหญ่)
2. ไปกราบขอพระอาจารย์ตามวัดวาให้มาทำผ้าป่าให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ เพราะมันเป็นกิจกรรมท้องถิ่น...แถวไหนเงินเยอะก็ได้หลายล้าน ถ้าอยู่ไกลเมืองชาวบ้านไม่ค่อยมีเงินก็ได้หลักหมื่น แล้วถ้าขาดหลักสิบล้านจะต้องทำยังไง?

การมีอยู่ของ "ก้าว" นั้นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วย "เสริม" และช่วยโรงพยาบาล "ย่นเวลา" ในการหาเงินมาเพื่อพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล และช่วยชีวิตคนในกรณีเร่งด่วน โดยใช้เสียงเล็กๆ ที่เรามีในการบอกต่อในการกระจายข่าว...ให้ทุกๆ คนได้เห็นปัญหาที่พวกเราสามารถช่วยกันได้ด้วยเงินเล็กๆ น้อยๆ ของทุกคน

ไม่บริจาค ไม่มีปัญหา แค่คุณออกไป เดิน ไปวิ่ง ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ลดโควต้าการไปใช้บริการโรงพยาบาล 1 คน ก็เท่ากับลดคิวตรวจที่รอกันทุกเช้าได้อีก 1 คิว ไม่เห็นด้วย...คิดว่ามันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ไม่เป็นไรเลย

ผมเข้าใจว่าความคิดเห็นย่อมต้องมีความแตกต่าง เข้าใจที่ไม่เห็นด้วย และผมเชื่อว่าทุกๆ คนสามารถมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป พวกเราแค่เป็นกลุ่มหนึ่งที่อยาก "ลอง" ทำในวิธีของตัวเอง วิธีที่เราคิดค้นมันขึ้นมาและหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่ไปรบกวนอะไรใครมากมาย เงินบริจาคเพียงคนละ 10 บาท แต่สามารถส่งผลให้โรงพยาบาลแถวบ้านเราได้มีอุปกรณ์ดีๆ แพงๆที่คนทั่วไป สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้รวมถึงส่งแรงดันเบาๆ ให้คนไทยหลายคนออกมาดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองมากขึ้น หรือแค่ช่วยชีวิตคนได้อีก 1 คนก็คุ้มมากแล้ว

ถึงแม้ว่ายังมีเสียงต่อว่าโจมตีโดยที่ไม่พยายามทำความเข้าใจหรือหาข้อมูลใดๆ ก่อน ด่าก่อน...และด่าแบบคอนทินิว แทบทุกข่าวเป็นข่าวเต้า ข่าวกุ ในแบบที่ทำลายพลังใจกันถึงที่สุดแล้วดันมีคนที่เชื่อด้วย...

บอกตรงๆ ว่าผมโคตรเสียใจเลย ทำไมคนเหล่านั้นถึงคิดเป็นอื่น? ผมจะเล่าให้ฟังว่า บางโรงพยาบาลที่เราไป มีเครื่องกระตุกหัวใจ (AED) แค่เครื่องเดียว แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินพร้อมกัน 2 ราย จะให้หมอกระตุกใครก่อนดี? แล้วถ้าคนที่จำเป็นต้องใช้เครื่องนี้ เป็น พ่อ แม่ พี่น้องเราล่ะ เราจะยอมให้เขารักษาคนอื่นก่อนไหม? ถ้ามันมีเครื่องหรืออุปกรณ์ที่เพียงพอมันจะดีกว่าไหม? ถามว่าผมเคยเอาเรื่องหรือข้อความหนักใจนี้ไปปรึกษาพี่ตูนไหม?

เคย...

แกถอนหายใจหนัก...นิ่งเงียบไปนาน แล้วหันมาบอกผมสั้นๆว่า "ให้การทำงานของเราเป็นคำตอบก็แล้วกันครับ"

ผมเชื่อว่าในคำตอบสั้นๆ นั้น แบกรับความรู้สึกเอาไว้มากมาย แต่การปวรณาตนเข้ามาทำงานเพื่อสังคมนั้น เมื่อเจอแรงต้าน...ก็ต้องอดทน และมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตนเชื่อต่อไป แม้ว่าหลายคนอาจยังไม่เห็นภาพ

ถามว่าคนอย่างเขาไร้เดียงสาหรือไม่?

คนที่วิ่งด้วยสองเท้าผ่านเส้นทางเบตง-แม่สาย ผ่านความยากลำบากมาหลากหลายรูปแบบ ผ่านความทุกข์ทรมานและการต้องใช้จิตใจเอาชนะร่างกาย ในทุกเช้าค่ำ ถึงจะล้มกี่ครั้ง...ก็ลุกขึ้นมาได้ใหม่จนกระทั่งเข้าเส้นชัยไปถึงจุดหมายระดมทุนได้ก้อนใหญ่ให้ รพ.หลายแห่ง

แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่ง... ทั้งๆ ที่คนรอบข้างหรือใครๆ หลายคนบอกว่า พอก็ได้...คุณทำมามากพอแล้วแต่ในหูของเขาก็ยังได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ อยู่ตลอด...

เขาจึงออกมาวิ่งอีกครั้ง ผมไม่คิดว่ามันคือความไร้เดียงสา แต่ผมคิดว่า เขารักพวกคุณมาก มากพอที่จะผลักดันให้เขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆและจะไม่หยุดวิ่งจนกว่าจะหมดแรง ผมวิงวอนว่าถ้าพวกเราเห็นด้วยช่วยเป็นพลังใจให้เขากันหน่อยครับ จะไปร่วมวิ่งกับเขาที่ขอนแก่นก็ได้ หรือจะบริจาคตรงตามช่องทางต่างๆ ที่เพจก้าวประชาสัมพันธ์ไว้ก็ได้ หรือจะช่วยแชร์ ข้อมูลต่างๆ ของโครงการก้าวก็ได้ ให้งานและการกระทำของพวกเรา ได้เป็นคำตอบแก่ผู้ที่สงสัยหรือผู้ที่ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำจริงๆถึงท้อก็ไม่เคยถอยครับ