จับตา 'อภิสิทธิ์' ไขก๊อก? ตอกย้ำศึก2ขั้ว
“เป็นข่าวโคมลอย ไม่ทราบว่าใครปล่อยข่าว” สุ้มเสียงของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาปฏิเสธข่าวลือเมื่อครั้งถูกถามถึงกระแสข่าวการลาออกจากการเป็นส.ส.
หากประชาธิปัตย์ตอบรับร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับสมาชิก “กลุ่มเพื่อนอภิสิทธิ์” ที่ยืนยันในครั้งนั้นว่า ข่าวลือที่ออกมาเป็นเพียงกลยุทธ์ “เตะตัดขา” เท่านั้น
แต่ทว่าถัดมาเพียง 1 สัปดาห์ ประเด็นดังกล่าวกลับถูก “จุดพลุ” ขึ้นมาอีกครั้ง โดยระบุถึงขั้นที่ว่า “อภิสิทธิ์” ได้ร่างหนังสือเตรียมที่จะลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ หากพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจร่วมกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเท่ากับขัดแย้งกับที่เคยประกาศเอาไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
มาครั้งนี้ “อภิสิทธิ์” เลือกที่จะโนคอมเม้นท์ในเรื่องที่เกิดขึ้น จึงดูเหมือนเป็นการตอกย้ำว่า กระแสข่าวที่ออกมาไม่ใช่ “ข่าวโคมลอย” เหมือนครั้งก่อนเสียแล้ว ว่ากันว่า แกนนำในพรรคเองพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้อภิสิทธิ์ ทบทวนการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะอันที่จริงแล้ว หากอภิสิทธิ์เลือกที่จะ “รักษาคำพูด” ตามที่เคยระบุว่า จะไม่สนับสนุนบิ๊กตู่ เรื่องนี้ก็ยังมีทางออกอีกหลายทางทั้งการให้ “ฟรีโหวต” ในการเลือกนายกฯ
หรือหากท้ายที่สุดแล้ว ประชาธิปัตย์มีมติตอบรับ “ขันหมากสู่ขอ” เพื่อร่วมรัฐบาลกับจากพรรคพลังประชารัฐ “อภิสิทธิ์” ก็ยังมีอีกหนึ่งทางออก นั่นคือการ “โหวตโน” หรือ “โนโหวต” เพื่อรักษาคำพูดตามที่ได้เคยลั่นวาจาไว้คงต้องไปลุ้นกันว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคจะเกลี้ยกล่อมอภิสิทธิ์เป็นผลสำเร็จหรือไม่ ?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นการตอกย้ำภาพความเป็น “ศึก2ขั้ว” ภายในพรรค ที่ยังมีการเดิมเกม “งัดข้อ” กันระหว่าง “กลุ่มหนุนบิ๊กตู่” กับ “กลุ่มเพื่อนอภิสิทธิ์” ที่ประกาศตัว “ไม่เอาประยุทธ์” มาตั้งแต่ต้น
เห็นได้จากเกมต่อรอง ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อชิงตำแหน่ง “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ซึ่งครั้งนั้น “กลุ่มเพื่อนอภิสิทธิ์” ได้ชิงเกมเสนอชื่อเขาเป็นหนึ่งในบุคคลเพื่อชิงเก้าอี้ดังกล่าวเพื่อวัดใจ คนในประชาธิปัตย์ไปเลยว่า จะเลือกเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” หรือเลือกที่จะอยู่ “ฝั่งพลังประชารัฐ”
ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า ท้ายที่สุดแล้ว “อภิสิทธิ์” ตัดสินใจหรือมีการทบทวนในเรื่องนี้อย่างไร แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการตอกย้ำภาพ “ศึก2ขั้ว” ภายในค่ายสีฟ้าซึ่งอาจส่งผลต่อการยกมือโหวตเลือกนายกฯในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อีกด้วย!!