2 สตอรี่ใหม่ 'โอกาสทอง' เอทีพี 30

2 สตอรี่ใหม่ 'โอกาสทอง' เอทีพี 30

ระหว่างรอ 'สองโปรเจค' ใหญ่ ในอีก 2 ปีข้างหน้า 'ปิยะ เตชากูล' นายใหญ่ 'บมจ.เอทีพี 30' ไม่ปล่อยเวลาเปล่าประโยชน์ 'แตกไลน์' ธุรกิจใหม่ ส่งบริการขนส่ง 'นักท่องเที่ยวจีน & มวลชนไม่สาธารณะ' เสริมทัพรายได้ระยะสั้น ก่อนเติบโตก้าวกระโดด !!

เป็น 1 ในผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้บริการรับส่งพนักงาน 'เขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก' (Eastern Seaboard) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร เพื่อรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ความโดดเด่นนี้ผลักดันให้ บมจ. เอทีพี 30 หรือ ATP30 มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง !!  

สะท้อนผ่านตัวเลข 3 ปีย้อนหลัง (2559-2561) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.93 ล้านบาท 26.25 ล้านบาท และ 40.91 ล้านบาท ตามลำดับ  

'ปิยะ เตชากูล' กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอทีพี 30 หรือ ATP30 เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า ตามแผนธุรกิจองค์กรแห่งนี้จะโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย 'ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม' เป็นหลัก ทว่าปัจจุบันมองเห็น 'โอกาสใหม่ๆ' กำลังมาแรงถึง '2 โปรเจค' ขนาดใหญ่ คือ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และ โครงการสมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ดังนั้น บริษัทมีแผนธุรกิจระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้า (2562-2566) เพื่อเตรียมรับโอกาสใหม่

โดย 'โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก' (EEC) คาดว่าจะมีการลงทุนใหม่เกิดขึ้นอีกมหาศาล ซึ่งส่วนตัวมีมุมมองที่ว่า อานิสงส์ที่บริษัทจะได้ประโยชน์จากโครงการ EEC น่าจะเกิดขึ้นอีกใน 2 ปีข้างหน้า (ปี 2564) เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการลงทุนของผู้ประกอบการ คาดว่าโรงงานต่างๆ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ก็ต้องใช้ระยะเวลา 

ช่วงระหว่างรอบริษัทใช้เวลาปรับปรุงองค์กรภายใน เพื่อเตรียมความพร้อมรับโอกาสใหม่ที่จะเข้ามาในปริมาณที่ค่อนข้างมาก คือ ในเรื่องของ 1. มาตรฐานความปลอดภัยทางถนน ISO 39001 และ 2. การเตรียมพร้อมระบบไอที (IT)  

ขณะที่ โครงการสมาร์ท ซิตี้ (Smart City) โดยเฉพาะในส่วนของระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่จะเกิดขึ้นตามจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทติดตามความชัดเจนนโยบายภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพราะว่าจังหวัดใหญ่เรียนรู้บทเรียนจากรุงเทพฯ แล้ว ฉะนั้นในจังหวัดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นกำลังปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนในจังหวัดของตัวเอง เท่าที่รู้ข่าวก็มีหลายหัวเมืองมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลระบบขนส่งมวลชนของตัวเองแล้ว 

ประกอบกับในหลายจังหวัดเริ่มมีการทดลองเดินรถเองแต่อาจจะยังไม่ตอบโจทย์แท้จริงได้ ซึ่ง ATP 30 อยู่ในฐานะผู้บริหารการเดินรถที่มีศักยภาพ และมีความสนใจอาจจะไปร่วมให้บริการ หรือ โมเดลธุรกิจรูปแบบอื่นๆ ซึ่งรอแค่รูปแบบการลงทุน ตอนนี้บริษัทกำลังศึกษาอยู่ เนื่องจากมีความพร้อมเรื่องการลงทุน เรื่องการพัฒนาพนักงานขับรถ การพัฒนาระบบไอที 

'รูปแบบขนส่งสาธารณะในจังหวัดใหญ่คงคล้ายกับในกรุงเทพฯ มีระบบขนส่งมวลชนอย่าง ขสมก. ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาความเป็นไปได้ว่าแต่ละจังหวัดจะใช้โมเดลแบบไหน และมีความเป็นไปได้ทั้ง บริการรถมินิบัส , รถบัส เป็นต้น'   

อย่างไรก็ตาม คาดว่าพื้นที่จะเกิดโมเดลดังกล่าวก่อนจะเป็นพื้นที่ใน EEC ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษา และโมเดลการลงทุนจะเป็นรูปแบบรัฐลงทุนเองทั้งหมด , รัฐร่วมเอกชน หรือเอกชนลงทุน ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปีนี้  

'หากโครงการทั้งสองโปรเจคเกิดขึ้นจริง ถือว่าเป็นโปรเจคขนาดใหญ่มาก และคงจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของเราด้วย แต่เราไม่กังวลเรื่องเงินลงทุน เนื่องจากเรามีศักยภาพในการลงทุน เพราะว่าเรามีช่องทางการระดมทุนได้มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ' 

อย่างไรก็ตาม มองเป้าหมายใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรถบริการอยู่ในระบบเพิ่มขึ้นอีก 'เท่าตัว' หรือราว 300 คัน รวมทั้งหมดเป็น 600 คัน จากจำนวนรถในปัจจุบันที่อยู่เกือบ 289 คัน ขณะที่รายได้ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 'ระดับ 25%'   

เขา เล่าต่อว่า ระหว่างรอ 2 โปรเจคใหญ่ที่อยู่ในแผนการลงทุน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทก็ 'แตกไลน์' หาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเสริมรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง อย่าง 'ธุรกิจบริการขนส่งนักท่องเที่ยว' โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเริ่มทดลองตลาดเมื่อปี 2561 ผ่านมา ถือว่าได้รับกระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวที่ดี 

ทว่า จากการเข้าไปลองทำตลาดในระยะ 1 ปีพบว่า ตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวมีความ 'ผันผวน' ค่อนข้างสูง แต่ว่าตลาดมีความต้องการ (ดีมานด์) เชิงคุณภาพ ฉะนั้น หากบริษัทให้บริการในเชิงคุณภาพจะทำให้มีลูกค้าอยู่กับบริษัทได้นาน แต่ว่าเป็นตลาดนักท่องเที่ยวมีการแข่งขันสูง  จึงทำให้มาร์จินไม่สูงมาก ดังนั้น ยังไม่เหมาะสมหากจะต้องลงทุนขนาดใหญ่  

โดยในปีก่อนบริษัททดลองตลาดด้วยบริการรถขนส่งจำนวน 10 คัน เป็นรถที่ใช้แล้วจากโรงงานอุตสาหกรรมนำมาปรับปรุงใหม่ ดังนั้น จะไม่มีเรื่องของต้นทุนที่ค้างอยู่ ซึ่งทำให้บริษัทกล้าที่จะนำรถมาวิ่งบริการได้ 

'ตลาดท่องเที่ยวเราคงยังไม่โฟกัสมาก แต่การเข้ามาทดลองตลาดทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าเราควรจะลงทุนลักษณะไหน ซึ่งเราคงไม่สามารถลงทุนด้วยรถใหม่เลย ซึ่งรถที่ใช้แล้ว และไม่มีภาระทางการเงินเหมาะสมที่จะนำมาให้บริการ ซึ่งมองว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมาเอง หรือเป็นกลุ่มขนาดเล็กปัจจุบันเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น และเรากำลังทดลองกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว'

โดยปีนี้บริษัทจะเข้าไปทำการตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมากันเอง ซึ่งจะเพิ่มรถบริการเป็นมินิบัส จำนวนที่นั่งราว 20 กว่าที่นั่ง เข้าไปอีก 5-10 คัน จากปีก่อนมีรถบริการ 10 คัน สะท้อนผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาแล้ว แต่ยังไม่มากเหมือนก่อนมีเหตุการณ์เรือล้มที่จังหวัดภูเก็ต และเหตุการณ์ฝุ่นขนาดเล็ก หรือ PM2.5

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับ บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ หรือ RP ในการให้บริการลูกค้าต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ไปเที่ยวต่อยังเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งบริษัทร่วมมือตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี เนื่องจากมีรถบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และมุ่งเน้นการบริการที่มีความปลอดภัย 

'ปีก่อนเรามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการนักท่องเที่ยว 2-3% และในปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ 5%'   

และ 'ธุรกิจขนส่งมวลชนไม่สาธารณะ' โดยบริษัทดำเนินการมาราว 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งเรามีความสนใจตลาดนี้ค่อนข้างมาก เป็นกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมของ บมจ.แสนสิริ  , หมู่บ้าน ,ศูนย์การค้าเมกาบางนา เป็นต้น 

โดยบริษัทมีการลงทุนรถบริการใหม่ ซึ่งเป็นรถมินิบัส ซึ่งตอนนี้ที่มองเห็นคือ 'โครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่' ซึ่งหมู่บ้านจัดสรรเริ่มมองบริการลักษณะแบบนี้ เพราะว่าลูกบ้านมีความต้องการใช้บริการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า (BTS และ MRT) แต่ว่ารถไฟฟ้าไม่มีถึงหมู่บ้าน ดังนั้น ปัจจุบันจึงเริ่มมีการคุยกันว่าหมู่บ้านจะจัดสวัสดิการให้กับลูกค้าบริการรับส่งลูกบ้านไปที่รถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

'ปีนี้หากมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามา เราก็จะลงทุนเพิ่ม ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2-3 ราย คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เป็นโครงการบ้านจัดสรร และ ศูนย์การค้าแห่งใหม่' 

สำหรับ สัดส่วนรายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 3% ขณะที่ปีนี้สัดส่วนรายได้น่าจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 5% โดยบริษัทมีเป้าหมายอยากเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มากขึ้นอีก แต่เป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนด้วยรถใหม่ ดังนั้น เราต้องดูในรายละเอียดค่อนข้างมาก และสัญญาต้องเป็นระยะยาว 4-5 ปี แต่หากตอบโจทย์ลูกค้าได้เชื่อว่าการบริการดังกล่าวจะอยู่ได้ในระยะยาว ปัจจุบันลงทุนรถใหม่ไปแล้ว 12 คัน

'นายใหญ่' แจกแจงต่อว่า 'ธุรกิจการให้บริการรถโดยสารของบริษัท' สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทยังมุ่งเน้นขยายธุรกิจต่อเนื่อง เพราะว่าบริษัทมีข้อได้เปรียบพอสมควร ยิ่งเฉพาะการที่บริษัทมีการผลักดันให้ลูกค้ามาใช้บริการที่มีคุณภาพมากขึ้นนั้น มองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนที่ทำให้บริษัทมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความต้องการบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นมีการปรับเปลี่ยนมาใช้บริการของบริษัทแทน หรือ เพิ่มสัดส่วนการใช้บริการมากขึ้น 

'เค้กก้อนเดิมที่มีอยู่ในตลาดยังมีช่องว่างให้เราเติบโตขึ้นอีกมาก เพราะว่ายังมีลูกค้าที่ต้องการปรับเปลี่ยนมาใช้บริการที่มีคุณภาพของเรา' 

อย่าง โรงงานอุตสาหกรรมที่เคยใช้บริการรถรับส่งประเภทสองแถว มีการปรับเปลี่ยนมาใช้รถตู้ หรือ โรงงานที่ใช้บริการรถขนส่งพนักงานด้วยพัดลมก็มีการปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นรถแอร์ หรือแม้กระทั้งใช้บริการรถแอร์แต่สภาพรถบริการเก่าก็มีการเปลี่ยนมาใช้เป็นรถแอร์ใหม่ขึ้นแทน ฉะนั้น มองว่าตลาดมีการปรับเปลี่ยนความต้องการที่ชัดเจนคือมีความต้องการบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งตลาดมีความต้องการค่อนข้างมาก ดังนั้น ทำให้บริษัทมีช่องทางในการเจริญเติบโตได้อีกมากในตลาดเดิม

ทังนี้ ตั้งเป้าผลประกอบการปี 2562 อยู่ที่ 465 ล้านบาท เติบโต 10-15% จากการให้บริการเดินรถโดยสารรับส่งบุคลากรกับลูกค้ารายใหม่ นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และการควบคุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถให้อยู่ในระดับคงที่

'เราคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถทำนิวไฮต่อเนื่องทั้งปี จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากรถที่หมดค่าเสื่อมในปีนี้ จำนวน 20 คัน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานใหม่ของอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้'

สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 นี้ คาดว่าสามารถขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากลูกค้าใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าเจรจากับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 

ท้ายสุด 'ปิยะ' ทิ้งท้ายไว้ว่า เรายังคงมุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร เพื่อรักษาคุณภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม