'ธนาธร' ไม่เห็นด้วยมติศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยัน พร้อมเป็นนายกฯ

'ธนาธร' ไม่เห็นด้วยมติศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยัน พร้อมเป็นนายกฯ

"ธนาธร" แถลงไม่เห็นด้วยมติศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และพร้อมเป็นนายกฯ

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.62 เวลา 19.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงไม่เห็นด้วยหลังศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ รับคำร้องกกต.วินิจฉัยปมถือหุ้นสื่อ และมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ว่า ผมขอแสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ตามเหตุผลที่ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงความเห็นทางข้อกฎหมายไปแล้วเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ตามผมขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาคำร้องของ กกต. เกี่ยวกับความเป็นสมาชิกสภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผมเองว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ มีการพิจารณาที่รีบร้อนผิดปกติหรือไม่ มีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่

วันนี้มีเอกสารใหม่ที่ผมได้ชี้แจงทางโซเชียลไปแล้ว คือเอกสาร ลงวันที่ 17 พฤษภาคม ส่งวันที่ 21 พฤษภาคม มาถึงวันที่ 22 พฤษภาคม เนื้อหาใจความของมันมีการเรียกสืบพยานจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพิ่มขึ้น 3 คน หมายความว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อร้องเรียนนกรณีที่ผมถือหุ้นสื่อดำรงการสืบสวนอยู่จนถึงวันนี้ คณะกรรมการชุดเล็ก ยังสืบสวนหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้อยู่ เอกสารนี้ลงวันที่ 17 พฤษภาคม เรียกพยานเข้าไปสืบความเพิ่มเติมวันที่ 24 พฤษภาคม หมายความว่าคณะกรรมการชุดเล็ก ที่สอบสวนคดีนี้อยู่ยังไม่เสร็จ ยังแสวงหาข้อเท็จจริง เหตุใดคณะกรรมการเลือกตั้งชุดใหญ่ ไม่รอคณะกรรมการชุดเล็กให้เสร็จสิ้น ท่านเอาข้อสรุปมาจากไหน ทั้งที่คณะกรรมการชุดเล็กจากเอกสารฉบับนี้ กำลังพิจารณาหาความจริงเพิ่มเติมอยู่

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้ไม่ใช่กรณีเดียว ผมและ อ.ปิยบุตรได้แถลงหลายครั้งถึงความผิดปกติ ที่เกิดขึ้น ยังจำได้ไหมคดีที่ กกต. เรียกแม่ของผมเข้าไปสอบปากคำถึงข้อร้องเรียนนี้ เอกสารหรือจดหมายมาถึง วันที่ 22 เมษายน ตอนบ่าย เรียกไปให้ปากคำในวันที่ 22 ซึ่งเป็นวันเดียวกันตอนเช้าแล้วใครจะไปได้มั่ง ไม่มีใครสามารถไปให้ปากคำในเวลานัดแนะที่เป็นอดีตได้ แล้วหลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน กกต.ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผมทันที โดยที่ผมเป็นผู้ถูกร้องไม่มีโอกาสได้ชี้แจงความจริงกับ กกต. เท่านั้นยังไม่หมด เมื่อวานนี้อาจารย์ปิยบุตรได้แถลงไปแล้วเกี่ยวกับความเร่งรีบผิดปกติของคดีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ใช้เวลา 417 วัน จาก กกต.จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนของตนตั้งแต่ กกต.รับเรื่องจนถึงศาลรัฐธรรมนูญเริ่มที่เดียวกันจบที่เดียวกัน ใช้เวลา 53 วัน จำนวนวันที่แตกต่าง ระหว่าง 2 กรณีนี้คือ 364 วันหรือเกือบ 1 ปี คำถามก็คือว่า ทุกท่านคิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมในกรณีนี้หรือไม่ ทุกท่านคิดว่าการทำงานของกระบวนการอิสระที่ใช้อํานาจนิติบัญญัติในประเทศไทยเป็นธรรมหรือไม่ คำถามที่ผมอยากเรียกร้องต่อสาธารณะ คือ ทุกท่านช่วยกันตรวจสอบช่วยกันพิจารณามติของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยพิจารณาร่วมกับผมทีว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่ ผมอยากจะฝากพี่น้องประชาชนช่วยร่วมกันตรวจสอบองค์กรอิสระ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย ให้ผมหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อตอนบ่ายวันนี้ แต่ผมและพรรคอนาคตใหม่จะยืนยันแนวแน่ต่อไปว่าพวกเราจะเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านระบอบเผด็จการ เพื่อผลักดันให้ธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่หยุดยั้ง ธนาธรยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ธนาธรยังพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ธนาธรยังมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้อยากให้พี่น้องประชาชนยืนเงียบๆ นิ่งๆแล้วเงี่ยหูฟัง พวกเราได้ยินเสียงของความโกรธของผู้คนที่อยู่ข้างนอกไหม วันนี้พวกเราได้ยินเสียงของความไม่พอใจของผู้คนที่อยู่ข้างนอกหรือเปล่า

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า วันนี้ คสช. ระบอบเผด็จการ อยู่ในขาลงคืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการสืบทอดอำนาจจากการดึง สส.จากพรรคอื่นก็ดี การสืบทอดอำนาจจากการสกัดผมไม่ให้เข้าสภาผู้แทนราษฎรก็ดี ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง แสดงให้เห็นถึงความพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบอบรัฐประหาร พวกเขาคือกลุ่มคนที่ ต้องการให้ทุกๆวันนี้เป็นเมื่อวาน เพื่อพวกเขาจะได้เสวยสุขบนความทุกข์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความมืดพวกเราคือแสงสว่างพรรคอนาคตใหม่ขออาสาเป็นผู้เปิดประตูสู่วันพรุ่งนี้ เปิดประตูสู่รุ่งอรุณของวันใหม่ ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจขออาสาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ

ขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนอย่างนี้ ประชาชนอาจจะสิ้นหวัง ทุกคนอาจจะหมดหวังเมื่อได้ยินข่าวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ผมอยากจะเรียนพี่น้องประชาชนทุกคนที่ยังรักประชาธิปไตย เรียนไปยังผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกคนว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความอยุติธรรม ผมขอเชิญพี่น้องประชาชนที่ยังรักความยุติธรรม ยืดหน้าอย่างสง่าผ่าเผยลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกัน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย กลับสู่สังคมที่เป็นธรรมนั่นคือภารกิจของเรานั่นคือภารกิจของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักความถูกต้องที่รักประชาธิปไตย

พรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนาคตใหม่อีก 79 คน ยังไม่สิ้นหวังถึงแม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ผมยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาลผมจะยังคงทำงานกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อพวกเขาไม่ให้ผมเข้าสภาผมก็จะอยู่กับประชาชนผมก็จะทำงานในฐานะบุคคล ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 6 ล้าน 3 แสนเสียงทั่วประเทศ