“แอร์บีแอนด์บี” ลุยเพิ่มเน็ตเวิร์ก สู้ศึก “โฮมแชริ่ง”

“แอร์บีแอนด์บี” ลุยเพิ่มเน็ตเวิร์ก สู้ศึก “โฮมแชริ่ง”

“แอร์บีแอนด์บี” ลุยชงรัฐบาลใหม่แก้ไขกฎหมายเอื้อธุรกิจที่พักให้เช่าระยะสั้น เดินสายผนึกองค์กรรัฐ-เอกชนไทยต่อเนื่อง จับมือธนาคาร “ออมสิน” ปั้นศักยภาพการขายโฮมสเตย์เมืองรอง พร้อมเพิ่มดีกรีพัฒนาบริการ-เน็ตเวิร์ก หลังเชนโรงแรมดังโลก เปิดศึกโฮมแชรริ่ง

การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้น ยังคงเป็นประเด็นที่ธุรกิจแพลตฟอร์มจองที่พักระดับโลก “แอร์บีแอนด์บี” (Airbnb) หนึ่งในผู้นำเทรนด์เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (แชริ่ง อีโคโนมี) ของโลก ต้องการผลักดันให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายในไทย หลังได้เดินกลยุทธ์ผนึกความร่วมมือกับองค์กรรัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาตลาดทั้งในเชิงการขายและให้ข้อมูลแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมพยายามชี้ให้เห็นมาตลอดว่าธุรกิจของแอร์บีแอนด์บีไม่ได้เป็นภัยต่อโรงแรมในไทย

นายไมค์ ออร์กิล ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน แอร์บีแอนด์บี เปิดเผยว่า แอร์บีแอนด์บีเตรียมผลักดันการเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้น (Short-Term Rental) ในไทยกับรัฐบาลใหม่ และเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการหารือ หลังหลายๆ ประเทศได้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้น รองรับพฤติกรรมของนักเดินทางที่เปลี่ยนไป สนใจเข้าพักบ้านเช่าแบบแบ่งปัน (โฮม แชริ่ง) มากขึ้น

ระหว่างนี้แอร์บีแอนด์บีได้เดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรองค์กรภาครัฐและเอกชนในไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้น ก่อนหน้านี้มีสมาคมการค้าธุรกิจที่พักบูติกไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการโฮมสเตย์ในเมืองรองของไทย โดยเจ้าบ้าน (โฮสต์) ต้องจดแจ้งกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นว่าให้บริการที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างถูกกฎหมาย ภายใต้ข้อกำหนดมีห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง และมีลูกค้าเข้าพักไม่เกิน 20 คน

ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับธนาคารออมสิน สนับสนุนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการธุรกิจในไทย นำร่องที่กลุ่มธุรกิจโฮมสเตย์ เพราะนอกจากจะเป็นรูปแบบที่พักที่ได้รับความนิยมอย่างมากบนแอร์บีแอนด์บีแล้ว ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่น สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจชุมชนในเมืองรองต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว โดยได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินและผู้ประกอบการโฮมสเตย์ท้องถิ่น 29 กลุ่ม รวมกว่า 100 แห่ง เพื่อเสริมศักยภาพด้านการขาย ให้แอร์บีแอนด์บีเป็นเครื่องมือทำการตลาดใหม่ โดยผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าธนาคารออมสินที่ได้เข้าร่วมโครงการ จีเอสบี สมาร์ท โฮมสเตย์ 2018

“สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของแอร์บีแอนด์บีในไทย ยังคงมุ่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลากหน่วยงานหลายระดับมากขึ้น เพื่อพัฒนาบริการที่พักหลากรูปแบบตอบความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมโฟกัสการกระจายความหลากหลายของโลเกชันที่พักไปยังเมืองรองมากขึ้น เน้นสร้างความแข็งแกร่งจากภายในเพื่อรุกทำตลาดระดับโลก”

ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีเจ้าของที่พักเสนอขายบริการที่พักให้เช่าระยะสั้นในไทยบนแอร์บีแอนด์บีกว่า 80,000 ราย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 1.88 ล้านคน จากกว่า 185 ประเทศ มีการเติบโตสูงถึง 54% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตมากขึ้นในปีนี้ล้อแนวโน้มการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยที่คาดว่าจะทะลุ 40 ล้านคน

โดยหนึ่งในตลาดนักท่องเที่ยวที่มีอัตราการเติบโตและเข้าพักในไทยสูงคือชาวจีน จากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจากเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์หันมาเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้น ทั้งนี้ไม่กังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เชื่อว่าทั้งนักท่องเที่ยวจีนและสหรัฐจะยังมีกระแสการเดินทางท่องเที่ยวที่ดี

นายไมค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่เชนโรงแรมดังระดับโลก เช่น เครือแมริออท อินเตอร์เนชันแนล จากสหรัฐ ได้ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ เพื่อรุกตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้นเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงเชนโรงแรมอื่นๆ ที่กำลังจะเปิดตัวเจาะตลาดนี้เพิ่มเติม แสดงให้เห็นว่าเชนโรงแรมดังของโลกเห็นความสำคัญกับโมเดลธุรกิจนี้ จึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาร่วมวง

“กลยุทธ์ตั้งรับการแข่งขันของแอร์บีแอนด์บีจึงหนีไม่พ้นการพัฒนาบริการผ่านแพลตฟอร์มเพื่อรองรับความต้องการของโฮสต์และผู้เข้าพักให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายทั้งในเชิงดีมานด์และซัพพลาย เพื่อดึงนักเดินทางจากทั่วโลกให้เข้ามาจองที่พักผ่านแอร์บีแอนด์บีมากยิ่งขึ้น หลังจากเราเป็นผู้เปิดตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้นมานาน 10 ปี มีจุดแข็งเรื่องเครือข่ายที่พักกว่า 6 ล้านแห่งทั่วโลก และมีลูกค้าเข้าพักสะสมกว่า 500 ล้านคนนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา”

ด้านรายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า เครือแมริออท อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์โรงแรมดังระดับโลก อาทิ เจดับบลิว แมริออท, เซนต์ รีจิส, เรเนซองส์, เชอราตัน และริตซ์-คาร์ลตัน เพิ่งประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ “โฮมส์ แอนด์ วิลลาส์ บาย แมริออท อินเตอร์เนชันแนล” เพื่อไม่ให้ตกขบวนแชริ่งอีโคโนมีซึ่งเป็นเทรนด์โลกที่มาแรง ผ่านการให้บริการที่พักหรูระดับไฮเอนด์ 2,000 แห่งใน 100 จุดหมายทั่วสหรัฐ ยุโรป แคริบเบียน และละตินอเมริกา

ส่งผลให้เครือแมริออทฯเป็นกลุ่มธุรกิจเชนรับบริหารโรงแรมรายแรกที่รุกเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้นแข่งกับเจ้าตลาดอย่างแอร์บีแอนด์บี รวมถึงบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA) อื่นๆ เช่น บุ๊กกิ้งดอทคอม, อโกด้า และโฮมอะเวย์ ในเครือเอ็กซ์พีเดียกรุ๊ป ขณะที่เชนโรงแรมอื่นๆ เช่น ไฮแอท และฮิลตันเองก็กำลังเตรียมกระโจนเข้าร่วมวงตลาดที่พักให้เช่าระยะสั้นเช่นกัน