PTT - ซื้อ

PTT - ซื้อ

ตัวเลือกที่ดีในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน

แนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจก๊าซของ PTT และที่มาของรายได้ที่มีความหลากหลายส่งผลให้ PTT เป็นหุ้นปลอดภัยสำหรับการลงทุนในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน (ความตึงเครียดของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนปะทุขึ้นอีกครั้ง) ทั้งนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ปี 2562 ที่ 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.6 เท่า พร้อมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี2562 ที่ 4.3% (เทียบกับ 3.1% สาหรับ SET)

มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มธุรกิจก๊าซในไตรมาส 2/62

แนวโน้มกำไรจากธุรกิจก๊าซของ PTT ในไตรมาส 2/62 ในปัจจุบันดูดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ แม้ว่ากำไรของธุรกิจก๊าซในไตรมาส 2/62 จะอ่อนตัวลง YoY กดดันโดยราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ในขณะที่ต้นทุนก๊าซปรับตัวสูงขึ้น แต่เราคาดว่ากำไรจะปรับตัวสูงขึ้น QoQ หนุนโดยการขยายตัวทั้งปริมาณขายและส่วนต่างราคา ทั้งนี้เราประมาณการว่าปริมาณ
ขายก๊าซจะเพิ่มขึ้น QoQ จากแผนการหยุดซ่อมบำรุงที่ลดลงของโรงงานแยกก๊าซและอุปสงค์ตามฤดูกาลสำหรับก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ นอกจากนี้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงปัจจุบันตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่ต้นทุนก๊าซเฉลี่ยคาดว่าปรับตัวลดลงเล็กน้อย QoQ ดังนั้นเราจึง
ประมาณการว่าส่วนต่างราคาก๊าซจะขยายตัวเล็กน้อย QoQ ในไตรมาส2/62

แนวโน้มของธุรกิจ NGV ปรับตัวดีขึ้น

แนวโน้มธุรกิจ NGV ของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เมื่อวันที่ 19 เม.ย.คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานอนุมัติการปรับเพิ่มราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับรถขนส่งสาธารณะรวมทั้งสิ้น 3 บาท/กก. ในช่วงเวลา 12 เดือน โดยจะปรับราคาเพิ่มขึ้น 1 บาท/กก. ทุกๆ 4 เดือน (ในวันที่ 16 พ.ค. 2562, 16 ก.ย. 2562 และ 16 ม.ค. 2563) ดังนั้นราคา NGV สำหรับรถขนส่งสาธารณะจะตัวสูงขึ้นจาก 10.62 บาท/กก. ไปอยู่ที่ 13.62 บาท/กก. ในต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ผลขาดทุนของ PTT จากธุรกิจ NGV
ลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง เราประมาณการเบื้องต้นว่าผลขาดทุนของธุรกิจ NGV จะลดลงจาก 4 พันล้านบาท/ปี เป็นราวๆ 2 พันล้านบาท/ปี เมื่อราคา NGV สำหรับการขนส่งสาธารณะปรับตัวสูงขึ้นครบ 3 บาท/กก. คิดเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรของเราในปี 2563 ที่ 1.4%

การขยายสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจก๊าซซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท PTT กำลังขยายโอกาสทางธุรกิจในโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในพื้นที่ EEC ทั้งนี้บริษัทเข้าร่วมการประมูลสองโครงการขนาดใหญ่: 1) โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 (LCB)(PTT ถือหุ้น 30%, GULF 40% และ China Harbour 30%) (ผู้ชนะการประมูลคาดว่าจะประกาศในสิ้นเดือนนี้) และ 2)โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 (MTP) (PTT ถือหุ้น 30% และ GULF 70%)(ผู้ชนะการประมูลคาดว่าจะประกาศในเดือน มิ.ย.) เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมการประมูลในโครงการดังกล่าวไม่มากนัก เราจึงเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรของ PTT มีโอกาสที่จะชนะการประมูลโครงการทั้งสองนี้ หากเป็นไปตามคาด เราประมาณการเบื้องต้นว่าดีล LCB จะเพิ่มมูลค่า 0.12 บาท/หุ้น สาหรับ PTT และ MTP จะเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 0.16 บาท/หุ้น