ผันผวน

ผันผวน

สะสมรอบใหม่บริเวณ 1600 จุด โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

สรุปภาวะตลาดหุ้นไทยวันทำการก่อนหน้า

ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยดัชนีตลาดฯ ปิดที่ระดับ 1608.11 จุด -6.64 จุด หรือ -0.41% ด้วยวอลุ่มซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.58% ปิโตรฯ -1.57% วัสดุก่อสร้าง -1.08% นักลงทุนต่างชาติขายเป็นวันที่ 11 อีก -1.39 พันล้านบาท

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เรามีมุมมอง Slightly Negative คาดดัชนีฯ ผันผวน แนวต้าน 1620 / 1625 จุด แนวรับ 1600 / 1592 จุด ปัจจัยสนับสนุนมาจาก การฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ หลังญี่ปุ่นรายงาน 1Q19 GDP ดีกว่าคาด ส่วนปัจจัยลบจับตา ไทยอาจรายงาน 1Q19E GDP แย่กว่าคาดการณ์ และ Tech War ระหว่างบริษัทหัวเหว่ยกับบริษัทคู่ค้าเริ่มลุกลาม

ไฮไลท์วันนี้อยู่ที่ OECD ออกรายงาน Economic Outlook สหรัฐฯ-สุนทรพจน์ประธานเฟด ชิคาโก Charles Evan ที่ฟลอริด้า และประธานเฟด บอสตัน Rosengren ที่นิวยอร์ก ไทยและสิงคโปร์-รายงาน 1Q19E GDP Growth

ประเด็นสำคัญวันนี้

ญี่ปุ่น: รายงาน 1Q19 GDP เติบโตสูงกว่าคาด โดยหากคิดเป็นรายปีเติบโตสูงถึง 2.1% YoY หรือ +0.5% QoQ (Vs คาดว่าหดตัว) และเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชีย วันจันทร์ Nikkei +0.24% PSE +1.01% JSX +1.38% ยกเว้นจีน ฮ่องกง HSKI -0.57% SSEC -0.41%

คาบสมุทรตะวันออกกลาง: ปธน.อิรัก บาร์ฮาม ซาลี พบกับเอกอัครราชทูตอิหร่าน และตอกย้ำการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อลดความตึงเครียดและสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค หลังจากสหรัฐฯเพิ่มกิจกรรมทางทหาร โดยอ้างรับมือภัยคุกคามจากอิหร่าน

จีน: ธ.กลางจีนเตือนความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก แต่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายได้ และมีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย

สหรัฐฯ: Trade war: ผลกระทบจากบ.หัวเหว่ย ติด Black List ถูกห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ เข้าซื้ออุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้ในสัปดาห์นี้ บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ Alphabet และบริษัทผู้ผลิตชิพชั้นนำของเยอรมนี Infineon ออกมาประกาศยุติการจัดส่งสินค้าแล้ว

Fund Manager Survey ระหว่าง 3-9 พ.ค. (ดูรายงานพิเศษวันนี้) พบว่าความเสี่ยงสูงสุด 3 เรื่อง ได้แก่ 1) Trade war 37% 2) China Slowdown 16% 3) US Politics 12% โดยลดการถือครองEquities (ลดลง 6 percentage point เป็น Net 11 % Overweight) นำโดยกลุ่ม Staples, Commodities, Utilities

กลยุทธ์

         สะสมรอบใหม่บริเวณ 1600 จุด โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำ เก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)

        หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BEM STEC AOT

        หุ้นโมเมนตัมบวก: TQM TAE ลบ THAI BEAUTY SAWAD KCE

        Derivatives: รอเปิดสถานะ Short S50M19 เมื่อดีดตัว เป้าทำกำไร 1062 / 1055 จุด และ Stop 1075 จุด