สธ.แจ้งความดำเนินคดี เหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายในโรงพยาบาล

สธ.แจ้งความดำเนินคดี เหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายในโรงพยาบาล

กระทรวงสาธารณสุข ประสานตำรวจแจ้งความดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหายกับผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้ป่วย ญาติผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่จังหวัดยโสธรและอุบลราชธานี พร้อมกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งวางมาตรการความปลอดภัย

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 10ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับมอบหมายจากนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุมีผู้เข้าไปทำร้ายผู้ป่วยที่กำลังรักษาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเหล่าเสือโก้กต.เหล่าเสือโก้ก อ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานีและเหตุทำร้ายญาติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร พร้อมกำชับให้แจ้งความ ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ และเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำลายเครื่องมือแพทย์อย่างถึงที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ

“โดยที่โรงพยาบาลเหล่าเสือโก้ก มีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ส่งรักษาต่อที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีอุปกรณ์การแพทย์ที่เสียหาย คือเครื่องวัดความดันโลหิต ส่วนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทาผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นญาติผู้ป่วย เบื้องต้น ได้สั่งการให้โรงพยาบาลในเขตสุขภาพทุกแห่งประสานงานตำรวจทันที หากมีผู้ป่วยจากการทะเลาะวิวาทเข้ามารักษาไม่ต้องรอเกิดเรื่องก่อน ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันญาติ หรือมีประตูนิรภัยให้ล็อคประตูทันที รวมทั้งติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม” นายแพทย์ธงชัย กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงเกิดเหตุบ่อยครั้ง ดังนี้ 1.ให้โรงพยาบาลจัดทำแนวทางปฏิบัติป้องกันและจัดการความรุนแรง ทบทวน ฝึกซ้อมและปรับปรุงเป็นประจำ 2.จัดทำระบบควบคุมประตู หรือมีทางเข้า-ออกที่ปลอดภัยหลายช่องทาง 3.จัดสถานที่พักคอยสำหรับญาติ รวมทั้งจำกัดการเข้าออก 4.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้พร้อมใช้งาน และติดตั้งเพิ่มในจุดเสี่ยง 5.จัดระบบคัดกรองโดยเฉพาะผู้ป่วยห้องฉุกเฉินและจัดบริการให้เหมาะสมกับความเร่งด่วน รวมทั้งให้สื่อสารกับญาติผู้ป่วยเป็นระยะ เพื่อลดความวิตกกังวล 6.จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 7.จัดหาสัญญาณเตือนภัย หรืออุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน และมีช่องทางแจ้งเหตุด่วนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเครือข่ายอาสาสมัคร มูลนิธิต่างๆในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการป้องกัน แต่คงป้องกันไม่ได้ทั้งหมด ต้องขอความร่วมมือประชาชนผู้มารับบริการ รวมทั้งญาติผู้ป่วย ช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในโรงพยาบาลซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ปลอดความรุนแรงสำหรับประชาชนทุกคน และที่สำคัญคือ จิตสำนึกความรับผิดชอบของผู้ที่ตั้งใจเข้ามาก่อเหตุ