AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

เพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 197 ลบ. (เพิ่ม 9.3%) +33.5%YoY

ประเด็นสำคัญ :

  • รายงานกำไรงวด 1Q62 เท่ากับ 59.7 ลบ. (สูงกว่าที่คาด 19%) +91.4%YoY: รายงานรายได้ 1Q62 เท่ากับ 286.8 ลบ. (สูงกว่าที่คาด 12%) +44%YoY โดยมีจำนวนสาขา ณ สิ้นงวด เท่ากับ 35 สาขา จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมี 28 สาขา ประกอบกับมีรายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) เท่ากับ 16.3 ลบ. จาก 1Q61 ที่มีรายได้ในส่วนนี้เพียงแค่ 2.6 แสนบาท ขณะที่ %GPM ปรับตัวลงมาที่ระดับ 66% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 67.6% เนื่องจากสินค้ากลุ่ม OEM มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า ส่วน %SG&A ทำได้ดีขึ้นมาที่ระดับ 43% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 49% จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม และมีการส่งสินค้าแบบ Delivery ทำให้ใช้อุปกรณ์และสถานที่น้อยลง ส่งผลให้งวด 1Q62 มีกำไรสุทธิ 59.7 ลบ. (สูงกว่าที่คาด 19%) +91.4%YoY และคิดเป็น 33% ของประมาณการทั้งปี 62 โดยมี %NPM ดีขึ้นมาที่ระดับ 19.4% จาก 1Q61 อยู่ที่ระดับ 15.5%
  • คาดแนวโน้ม 2Q62 จะเติบโต YoY แต่ทรงตัว QoQ: ช่วง 2Q62 เราคาดว่าผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนในช่วง 2Q62 มีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 6 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้มีสาขาทั้งหมด ณ ปลาย 2Q62 เท่ากับ 41 สาขา เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีทั้งหมด 29 สาขา โดยช่วง 2Q62 เปิดเพิ่มไปแล้ว 1 สาขา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.62 ที่สาขาสุขุมวิท 11 และมีแผนเปิดที่สาขาหาดใหญ่ในลำดับถัดไป ด้านงาน OEM ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1) งานจากสายการบิน 2) Starbuck 3) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ 4) ขนมปังเนยโสดและนมโสดที่สั่งทำจากสาขาใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการมีแนวโน้มทรงตัว QoQ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ดี เรายังคงมีมุมมองบวกตลอดทั้งปี 62 โดยผลประกอบการยังมีอัพไซต์จากการเปิดสาขาแรกในรูปแบบของแฟรนไชส์ที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งคาดว่าบริษัทจะเร่งเปิดให้ทันก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส หรือช่วง Q3-Q4/62
  • ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62 สู่ 197 ลบ. (เพิ่ม 9.3%) +33.5%YoY : ภายหลังผลประกอบการ 1Q62 สูงกว่าที่คาดถึง 19% เราจึงปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 62 สู่ 1,151 ลบ. (เพิ่ม 7%) +32%YoY ตามแผนการเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมดในปีนี้ราว 10 สาขา โดยปัจจุบันเปิดเพิ่มแล้ว 5 สาขา ประกอบกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังคงทำได้ดีที่ระดับ 5% ส่วน %GPM ปรับลงมาที่ระดับ 66% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 67% เนื่องจากงาน OEM มีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า ขณะที่ %SG&A คาดว่าจะทำได้ดีขึ้นมาที่ระดับ 44.3% จากปี 61 อยู่ที่ระดับ 46.7% เนื่องจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากการ Delivery และซื้อกลับบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพนักงาน สถานที่ และอุปกรณ์ ส่งผลให้เราประมาณการกำไรปี 62 เพิ่มขึ้นสู่ 197 ลบ. (เพิ่ม 9.3%) +33.5%YoY *หมายเหตุ : ประมาณการรายได้และกำไรของปี 62 ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประเทศฮ่องกงซึ่งจะเป็นอัพไซด์ของผลการดำเนินงานในอนาคต
  • คงคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 9.20 จากเดิม 8.50 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF โดยใช้สมมติฐาน WACC = 7.2% และ Terminal Growth = 3.5% ได้ราคาเหมาะสม 9.20 บาท (จากเดิมที่ 8.50 บาท) อย่างไรก็ตาม เทียบกับราคาปัจจุบันมีอัพไซต์ไม่ถึง 10% เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

ความเสี่ยง

       i)ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง    ii) ธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ประสบความสำเร็จ   iii) ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ